อาการครรภ์เป็นพิษ มีสาเหตุจากอะไร ภาวะอันตรายที่คุณแม่ควรระวัง

ภาวะครรภ์เป็นพิษ อาการครรภ์เป็นพิษเริ่มแรก อันตรายไหม

01.04.2024

การตั้งท้องอาจไม่ราบรื่นจนถึงตอนคลอดเสมอไป บางครั้งก็เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นให้ต้องอกสั่นขวัญหาย หนึ่งในเรื่องเหล่านั้นก็คือ อาการครรภ์เป็นพิษ เป็นอาการสืบเนื่องมาจากการมีความดันโลหิตสูง ซึ่งมีอาการอื่น ๆ มากมายจนคุณหมออาจจะทำคลอดให้คุณแม่ก่อนกำหนดเพื่อรักษาอาการนี้ก็ได้ การดูแลสุขภาพเริ่มต้นเพื่อลดความเสี่ยงของอาการนี้คือการฝากครรภ์และไปพบคุณหมอตามนัด

headphones

PLAYING: ภาวะครรภ์เป็นพิษ อาการครรภ์เป็นพิษเริ่มแรก อันตรายไหม

อ่าน 4 นาที

 

สรุป

  • อาการครรภ์เป็นพิษเริ่มแรก คือ ความดันโลหิตสูง มีอาการบวมที่ขา-เท้าและมือ
  • ภาวะครรภ์เป็นพิษมักเริ่มหลังจากตั้งครรภ์ได้ 20 สัปดาห์ หากไม่ได้รับการรักษาอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ทั้งแม่และลูก
  • หากพบว่าคุณแม่ท้องมีภาวะครรภ์เป็นพิษ สูตินรีแพทย์ที่ดูแลมักจะแนะนำให้ทำการคลอด ซึ่งระยะเวลาที่สูตินรีแพทย์จะให้คลอดนั้น ขึ้นอยู่กับอายุครรภ์ของคุณแม่และความรุนแรงที่มีภาวะครรภ์เป็นพิษ

 

เลือกอ่านตามหัวข้อ

 

รู้จักอาการครรภ์เป็นพิษ คืออะไร?

อาการครรภ์เป็นพิษ (เดิมเรียกว่า ภาวะเป็นพิษในเลือด) เกิดขึ้นเมื่อมีความดันโลหิตสูงขณะที่คุณแม่ตั้งครรภ์ โดยพบว่ามีปริมาณโปรตีนมากเกินไปในปัสสาวะ และมีอาการบวมที่ขา เท้า และมือร่วมด้วย อาจจะมีอาการตั้งแต่เล็กน้อยไปจนถึงรุนแรงเลย อาการนี้สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งก่อนคลอดและหลังคลอด ในช่วงก่อนคลอดสามารถเกิดขึ้นได้ในช่วงแรกของอายุครรภ์ที่ 20 สัปดาห์ และโดยทั่วไปพบในอายุครรภ์ 34 สัปดาห์เป็นต้นไป

 

อาการครรภ์เป็นพิษของคุณแม่

นอกเหนือจากอาการบวม (บวมน้ำ) ปริมาณโปรตีนส่วนเกินในปัสสาวะ และความดันโลหิตที่วัดได้มากกว่า 140/90 อาการครรภ์เป็นพิษยังปรากฏว่ามีอาการอื่น ๆ ต่อไปนี้ด้วย

  • น้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างกะทันหันในช่วง 1-2 วัน สืบเนื่องมาจากมีของเหลวในร่างกายเพิ่มขึ้นอย่างมาก
  • ปวดไหล่
  • ปวดท้องโดยเฉพาะบริเวณด้านขวาบน
  • ปวดหัวอย่างรุนแรง
  • มีปฏิกิริยาที่เปลี่ยนไปในด้านการตอบสนอง หรือการปรับเปลี่ยนทางสภาพจิตใจ
  • ปัสสาวะน้อยลงหรือไม่มีเลย
  • วิงเวียนศีรษะ
  • หายใจติดขัด หายใจลำบาก
  • อาเจียนและคลื่นไส้อย่างรุนแรง
  • การมองเห็นผิดแปลกไป เช่น เห็นแสงไฟกะพริบ ภาพลอย ๆ หรือภาพไม่ชัด

 

ในคุณแม่หลายท่านเป็นไปได้ว่าจะไม่มีอาการดังที่กล่าวไปแล้วแต่ว่าป่วยอยู่ เพื่อความปลอดภัยควรไปพบคุณหมอเพื่อตรวจความดันโลหิตและปัสสาวะเป็นประจำ

 

คุณแม่จะรู้ได้อย่างไรว่ากำลังเสี่ยง ‘ครรภ์เป็นพิษ’

อาการครรภ์เป็นพิษเริ่มแรก คือ ความดันโลหิตสูง และอาการอื่น ๆ ที่อาจเป็นสัญญาณซึ่งจะได้รับทราบจากคุณหมอหลังเข้ารับการตรวจ คือ

  • มีโปรตีนมากเกินไปในปัสสาวะของคุณแม่
  • เกล็ดเลือดในเลือดไม่พอที่ร่างกายจะทำงานได้เป็นปกติ
  • สารเคมีที่เกี่ยวข้องกับไตในเลือดอยู่ในระดับสูง
  • สารเคมีที่เกี่ยวข้องกับตับในเลือดอยู่ในระดับสูง
  • มีของเหลวในปอด
  • อาการปวดหัวไม่ยอมหายไปเมื่อรับประทานยา

 

เพื่อยืนยันการวินิจฉัยหลังแจ้งให้คุณแม่รับทราบว่ากำลังเสี่ยงกับครรภ์เป็นพิษ คุณหมอจะทำการทดสอบให้กับคุณแม่ ดังนี้

  • ตรวจเลือดเพื่อหาสารเคมีในไตหรือตับ
  • ทดสอบปัสสาวะเพื่อวัดระดับโปรตีน
  • อัลตราซาวด์ เพื่อจะดูว่าลูกน้อยของคุณแม่เติบโตดีอยู่หรือไม่

 

สาเหตุของครรภ์เป็นพิษ

สาเหตุทางกายภาพมีผลให้ป่วยด้วยอาการครรภ์เป็นพิษ คุณแม่ลองพิจารณาถึงปัจจัยความเสี่ยงเพื่อให้เกิดความระมัดระวังดูแลสุขภาพ

 

1. ปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงขั้นสูง

  • มีประวัติการป่วยด้วยภาวะครรภ์เป็นพิษมาก่อน
  • อุ้มท้องเตรียมคลอดลูกน้อยมากกว่าหนึ่งคน (กำลังมีลูกแฝด)
  • อาการความดันโลหิตสูงเรื้อรัง
  • โรคไต
  • โรคเบาหวาน
  • ภาวะภูมิต้านตนเอง เช่น โรคลูปัส

 

2. มีปัจจัยเพิ่มความเสี่ยงระดับปานกลางอยู่หลายรายการ

  • ตั้งครรภ์เป็นครั้งแรก
  • ระยะที่เริ่มตั้งครรภ์ปัจจุบันห่างจากการตั้งครรภ์ครั้งสุดท้ายมากกว่า 10 ปี
  • ค่าดัชนีมวลกายมากกว่า 30
  • มีประวัติสมาชิกในครอบครัวมีอาการครรภ์เป็นพิษ (แม่หรือพี่น้องผู้หญิงมีอาการนี้มาก่อน)
  • อายุมากกว่า 35 ปีขึ้นไป
  • มีภาวะแทรกซ้อนในการตั้งครรภ์ที่ผ่านมา (เช่น มีลูกที่มีน้ำหนักแรกเกิดน้อย)
  • มีภาวะปฏิสนธินอกร่างกาย (IVF)
  • เป็นคนชายขอบ (เพราะความไม่เท่าเทียมกันในสังคมจะเพิ่มความเสี่ยงให้เจ็บป่วย)
  • กลุ่มผู้มีรายได้น้อย (เพิ่มความเสี่ยงที่พบกับความไม่เท่าเทียมกันในสังคม และทำให้เสี่ยงที่จะเจ็บป่วยได้มากกว่า)

 

สัญญาณเตือนของครรภ์เป็นพิษในคนท้อง

 

สัญญาณเตือนของครรภ์เป็นพิษในคนท้อง

  1. น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น บางราย 1 สัปดาห์ น้ำหนักขึ้น 4 กิโลกรัม
  2. บวม โดยมีลักษณะ บวมน้ำ ขาบวม
  3. ปวดศีรษะ
  4. ความดันโลหิตสูง ทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น มากกว่าหรือเท่ากับ 140/90 มิลลิเมตรปรอท หากสูงมากกว่า 160/110 มิลลิเมตรปรอท ถือว่ามีความรุนแรงมาก
  5. จุกแน่นใต้ชายโครง
  6. ลูกตัวเล็ก โตช้า ดิ้นน้อยลง ท้องไม่โตตามอายุครรภ์

 

ภาวะแทรกซ้อนจากครรภ์เป็นพิษ

  1. เสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนด เพราะความเสี่ยงทั้งต่อสุขภาพของคุณแม่และลูกน้อย ทำให้คุณหมอตัดสินใจให้คุณแม่ทำคลอดก่อนกำหนดเพื่อความปลอดภัย การคลอดก่อนกำหนดอาจมีผลให้สุขภาพของลูกน้อยไม่ดี
  2. รกลอกก่อนกำหนด จะทำให้เกิดเลือดออกจนมีผลร้ายถึงขั้นเสียชีวิต
  3. ทารกไม่เติบโตตามมาตรฐาน มีน้ำหนักน้อย เพราะได้รับสารอาหารจำเป็นน้อยลง
  4. คุณแม่ชัก หากรับการรักษาแล้วไม่ดีขึ้น คุณหมออาจสั่งให้ยุติการตั้งครรภ์
  5. อวัยวะต่าง ๆ เกิดความเสียหาย มีผลให้เสียชีวิต และสามารถเกิดขึ้นได้โดยไม่มีสัญญาณเตือนก่อนล่วงหน้า

 

ครรภ์เป็นพิษ อาจทำให้ต้องยุติการตั้งครรภ์

ยุติการตั้งครรภ์ คำพูดที่ฟังแล้วน่ากลัว แต่ที่จริงแล้วไม่ได้น่ากลัวเสมอไป เพราะยังหมายถึงการทำคลอด การให้คลอดทางช่องคลอดจะเป็นวิธีการที่ปลอดภัยในการรักษาอาการครรภ์เป็นพิษ การผ่าตัดคลอดหน้าท้องจะพิจารณาเป็นกรณีไป โดยมักจะเกิดขึ้นกรณีที่อาการครรภ์เป็นพิษรุนแรงมาก การทำคลอดทางช่องคลอด มีการนำคีมช่วยคลอดมาใช้ เพื่อไม่ให้คุณแม่ตั้งท้องเจ็บครรภ์มากหรือต้องออกแรงเบ่งมากเกินไป ซึ่งจะเป็นผลเสียทำให้ความดันเลือดสูงขึ้นอีกได้

 

วิธีการป้องกันและดูแล คุณแม่ครรภ์เป็นพิษ

การป้องกัน คือการทำให้ความเสี่ยงลดต่ำลง ไม่มีวิธีการป้องกันที่ได้ผลร้อยเปอร์เซ็นต์

  • ดื่มน้ำวันละ 6 แก้ว หรือมากกว่า
  • นอนหลับให้เต็มอิ่ม เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
  • ออกกำลังกายตามคำแนะนำของคุณหมอ
  • หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด และไม่ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
  • ฝากครรภ์และพบคุณหมอเพื่อตรวจสุขภาพตามกำหนดการดูแล
  • การดูแลเกิดขึ้นหลังการรักษาด้วยการผ่าคลอด
  • ภายใน 24 ชั่วโมง ทีมของคุณหมอต้องเฝ้าระวังกัน เพราะมีโอกาสที่จะกลับมาความดันสูงและชักได้
  • ภายใน 2 สัปดาห์ ร่างกายคุณแม่ที่ได้รับการพักฟื้นจะกลับมาเป็นปกติ

 

การพบคุณหมอตามนัด เข้ารับการตรวจสุขภาพ และการเฝ้าระวังสุขภาพตั้งแต่ระยะต้นของการตั้งครรภ์ เป็นสิ่งสำคัญเพื่อลดความเสี่ยงของอาการครรภ์เป็นพิษได้ นอกจากนี้ยังเป็นการมอบโอกาสดี ๆ แสดงความรักให้กับทั้งตัวคุณแม่เองและลูกน้อยในครรภ์ด้วย เพราะความรักยกกำลังสองนี้จะช่วยให้ลูกน้อยได้เติบโตและมีพัฒนาการอย่างปลอดภัยภายใต้การดูแลของคุณแม่ที่แข็งแรงดีและมีความสุขไปด้วยกัน

 

บทความแนะนำสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์

 

 

อ้างอิง:

  1. Preeclampsia, WebMD
  2. ?รู้ทัน.. ครรภ์เป็นพิษ แม่ท้องต้องระวัง, คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
  3. ภาวะครรภ์เป็นพิษ, โรงพยาบาลสินแพทย์
  4. ครรภ์เป็นพิษ ภาวะที่คุณแม่ต้องระวัง, โรงพยาบาลเพชรเวช
  5. ครรภ์เป็นพิษและโรคพิษแห่งครรภ์ระยะชัก, คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
  6. ครรภ์เป็นพิษ ภาวะอันตรายของคุณแม่ตั้งครรภ์, โรงพยาบาลสมิติเวช

อ้างอิง ณ วันที่ 26 มกราคม 2567

บทความแนะนำ

คนท้องกินอินทผาลัมได้ไหม อันตรายกับลูกในท้องหรือเปล่า

คนท้องกินอินทผาลัมได้ไหม อันตรายกับลูกในท้องหรือเปล่า

คนท้องกินอินทผาลัมได้ไหม อันตรายกับลูกในท้องหรือเปล่า คุณแม่ท้องอยากกินอินทผาลัม สามารถกินได้บ่อยแค่ไหน ควรกินเท่าไรถึงพอดีและได้ประโยชน์ ปลอดภัยทั้งแม่และลูก

คนท้องนวดได้ไหม นวดตัว นวดเท้าบ่อย อันตรายกับลูกในท้องหรือเปล่า

คนท้องนวดได้ไหม นวดตัว นวดเท้าบ่อย อันตรายกับลูกในท้องหรือเปล่า

คนท้องนวดได้ไหม คุณแม่ปวดเมื่อยตัวบ่อย อยากหายปวดตัว ทำอย่างไรได้บ้าง นวดตัว นวดเท้าบ่อย อันตรายกับลูกในท้องหรือเปล่า คุณแม่ควรปรึกษาแพทย์ก่อนไปนวดไหม

คนท้องกินหอยแครงได้ไหม อันตรายกับลูกในท้องหรือเปล่า

คนท้องกินหอยแครงได้ไหม อันตรายกับลูกในท้องหรือเปล่า

คนท้องกินหอยแครงได้ไหม คุณแม่ท้องชอบกินหอยแครง กินเท่าไหร่ถึงพอดี กินเยอะเกินไป จะเป็นอันตรายกับลูกในท้องหรือเปล่า กินหอยแครงแบบไหนให้ปลอดภัยกับลูกในครรภ์

คนท้องกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปได้ไหม ส่งผลอะไรกับลูกในครรภ์บ้าง

คนท้องกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปได้ไหม ส่งผลอะไรกับลูกในครรภ์บ้าง

คนท้องกินบะหมี่กึ่งสำเร็จได้ไหม คนท้องอยากกินมาม่า ต้องกินวันละเท่าไหร่ถึงพอดี หากคุณแม่ท้องกินมาม่ามากไป จะส่งผลอะไรกับลูกในครรภ์บ้าง แค่ไหนถึงปลอดภัยและไม่อันตราย

เลือกระยะการตั้งครรภ์และพัฒนาการเด็ก