ผ่าคลอดโรงพยาบาลรัฐดีไหม คุณแม่ใช้สิทธิอะไรได้บ้าง
เมื่อคุณแม่อุ้มท้องมานานถึง 9 เดือนแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะคลอดเสียที แต่การคลอดนั้นอาจจะเป็นการคลอดธรรมชาติหรือผ่าคลอด ก็ได้ โดยแพทย์จะประเมินความจำเป็นเพื่อแนะนำวิธีการคลอดที่เหมาะสมให้กับคุณแม่ ซึ่งหากคลอดธรรมชาติก็จะมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่า และคุณแม่ฟื้นฟูร่างกายได้รวดเร็วหลังคลอดด้วย แต่การผ่าคลอดเองก็เป็นตัวเลือกที่คุณหมอจะเลือกให้ในกรณีมีความจำเป็นทางการแพทย์ เช่น เด็กอยู่ในท่าก้นหรือไม่กลับหัว หรือเสี่ยงอาจมีปัญหาในการคลอด คุณหมอจึงอาจจะแนะนำให้ผ่าคลอด ซึ่งปัจจุบันมีความปลอดภัยมากขึ้นกว่าในสมัยก่อน แต่ก็ตามมาด้วยค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าด้วย
สรุป
- ในการคลอด ไม่ว่าจะเป็นการคลอดเองตามธรรมชาติและหรือผ่าคลอด แพทย์จะประเมินการคลอดตามความสมควร ซึ่งการผ่าคลอดย่อมมีค่าใช้จ่ายมากกว่าคลอดธรรมชาติ และการคลอดในโรงพยาบาลรัฐอาจจะมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าโรงพยาบาลเอกชน ซึ่งแม้ตามมาตรฐานการแพทย์แล้วคนไข้จะได้รับบริการเทียบเท่ากัน ปลอดภัยเท่ากันก็ตาม แต่โรงพยาบาลเอกชนก็อาจจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นตามการบริการต่าง ๆ ที่เพิ่มจากปกติ
- การผ่าคลอดในโรงพยาบาลรัฐนั้นมีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ ก็ขอให้สอบถามกับทางโรงพยาบาลเพื่อรับทราบรายการค่าใช้จ่ายโดยคร่าว ๆ และสามารถรับทราบสิทธิต่าง ๆ ได้อีกด้วย ทั้งสิทธิบัตรประกันสุขภาพถ้วนหน้า และสิทธิประกันสังคมอีกด้วย
- สิทธิอื่น ๆ เช่น ประกันชีวิต หรือประกันโรคต่าง ๆ ขอให้สอบถามข้อมูลจากโรงพยาบาลจะดีที่สุด
เลือกอ่านตามหัวข้อ
- การคลอดมีวิธีไหนบ้าง และค่าผ่าคลอดโรงพยาบาลรัฐประมาณเท่าไร
- ผ่าคลอดโรงพยาบาลรัฐ ตั้งแต่ช่วงฝากครรภ์ จะมีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง
- หากต้องการผ่าคลอดโรงพยาบาลเอกชนล่ะ ราคาประมาณเท่าไหร่
- ผ่าคลอดโรงพยาบาลรัฐ ควรเตรียมตัวอย่างไร
- ค่าผ่าคลอด โรงพยาบาลเอกชน ต่างจากโรงพยาบาลรัฐมากหรือไม่
- ผ่าคลอดโรงพยาบาลรัฐ ใช้สิทธิบัตรทองได้หรือไม่ รวมสิทธิประกันสังคม
การคลอดมีวิธีไหนบ้าง และค่าผ่าคลอดโรงพยาบาลรัฐประมาณเท่าไร
การคลอดในโรงพยาบาลนั้น มี 2 วิธี คือคลอดออกทางช่องคลอด หรือเรียกว่าคลอดตามธรรมชาติ กับการผ่าคลอดออกมาทางหน้าท้อง ซึ่งการคลอดตามธรรมชาติ คุณแม่จะฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว และต้องอยู่โรงพยาบาลเพียงไม่กี่วันก็สามารถออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว ส่วนผ่าคลอดนั้นนอกจากจะทิ้งแผลผ่าคลอด ไว้แล้ว ยังเสี่ยงที่จะมีอาการแทรกซ้อนระหว่างการคลอด ซึ่งแม้การผ่าคลอดยุคปัจจุบันจะปลอดภัยมากแล้วก็ตาม แต่คุณหมอมักจะเลือกใช้วิธีผ่าคลอดเมื่อไม่มีทางเลือกอื่น หรือหากปล่อยไว้จะเป็นอันตรายกับลูกและแม่มากกว่า แม้ว่าในปัจจุบัน คุณแม่ที่ร่างกายแข็งแรง สามารถทำคลอดตามธรรมชาติได้ แต่ก็มีหลายเหตุผลที่คุณแม่หลาย ๆ ท่านขอเลือกผ่าคลอดมากกว่าจะคลอดธรรมชาติ เช่น คุณแม่ตัวเล็กไม่มีแรงเบ่ง คุณแม่กลัวเจ็บ หรือทรมาณจากการเบ่งคลอด จึงขอทางเลือกอื่นดีกว่า ซึ่งจะอยู่ที่ดุลพินิจของแพทย์เจ้าของไข้จะเลือกวิธีใดที่เหมาะสม
นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายในการผ่าคลอดของแต่ละโรงพยาบาลจะแตกต่างกันออกไปตามแต่โรงพยาบาล โดยในหัวข้อนี้จะขอนำข้อมูลจากโรงพยาบาลกลาง สำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานครมาเป็นตัวอย่างค่าใช้จ่ายผ่าคลอด ของโรงพยาบาลรัฐ โดยค่าใช้จ่ายทั้งสองวิธีนั้น ยังไม่รวมค่าให้ออกซิเจน ค่าตรวจเลือด ค่าตรวจทางธนาคารเลือด ค่ายา และค่าน้ำเกลือด้วย
- คลอดธรรมชาติ การคลอดธรรมชาติ โดยไม่มีโรคแทรกซ้อน ค่าใช้จ่ายจะอยู่ประมาณ 5,500-6,000 บาท หรือหากต้องใช้เครื่องช่วยคลอดเพิ่ม ก็จะอยู่ที่ 6,350 บาท
- ผ่าคลอด โดยไม่มีโรคแทรกซ้อน ค่าใช้จ่ายประมาณ 15,000-20,000 บาท
ผ่าคลอดโรงพยาบาลรัฐ ตั้งแต่ช่วงฝากครรภ์ จะมีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง
ค่าใช้จ่ายในการคลอดของแต่ละโรงพยาบาล ก็จะแตกต่างกันไป บางโรงพยาบาลอาจจะรวมทุกค่าใช้จ่ายเป็นราคาเดียวเสร็จสรรพ หรือบางโรงพยาบาลจะแยกค่ายา ค่าหัตถการ ค่าห้องพักออกจากกัน ขอให้สอบถามกับทางโรงพยาบาล โดยแนะนำให้เป็นโรงพยาบาลที่ฝากครรภ์ไว้ตั้งแต่แรกจะดีที่สุด เนื่องจากโรงพยาบาลและคุณหมอมีข้อมูลการฝากครรภ์และข้อมูลคนไข้เยอะและละเอียด ซึ่งช่วยให้ทำคลอดได้ปลอดภัยกว่า โดยในหัวข้อนี้ได้นำข้อมูลมากจากโรงพยาบาลรามาธิบดี ดังนี้
- ค่าฝากครรภ์ โดยรวมตลอดค่าฝากครรภ์คุณแม่ จะประมาณ 5,000 บาท ราคานี้ไม่รวมการตรวจพิเศษอื่น ๆ
- ค่าตรวจครรภ์ ครั้งละ 100 บาท โดยตรวจประมาณ 8-10 ครั้ง
- ค่ายาและวัคซีน โดยเป็นค่ายาและวิตามินบำรุงและวัคซีนที่จำเป็น ประมาณ 1,800 บาท
- ค่าอัลตราซาวด์ ครั้งละ 500 บาท ตรวจตามข้อบ่งชี้ทางการแพทย์
หากต้องการผ่าคลอดโรงพยาบาลเอกชนล่ะ ราคาประมาณเท่าไหร่
หากครอบครัวหรือคุณแม่ต้องการที่จะผ่าคลอดโรงพยาบาลเอกชน ค่าใช้จ่ายก็จะเพิ่มขึ้นตามแต่ละโรงพยาบาลกำหนด ซึ่งโดยประมาณ อาจมีค่าใช้จ่ายตั้งแต่ 40,000 บาทขึ้นไป แต่ราคามักจะรวมบริการอื่นและค่าห้องพักฟื้นไว้แล้วในราคานี้ ทั้งนี้ สำหรับรายละเอียด แนะนำให้สอบถามกับทางโรงพยาบาลจะได้ข้อมูลที่ถูกต้อง แม่นยำกว่า ในหัวนี้ยกตัวอย่าง Package บริการผ่าคลอดของโรงพยาบาลพญาไท โดยจะมีค่าใช้จ่ายโดยรวมประมาณ 48,000-53,000 บาท
ผ่าคลอดโรงพยาบาลรัฐ ควรเตรียมตัวอย่างไร และต้องเตรียมค่าใช้จ่ายเท่าไหร่บ้าง
ควรเตรียมตัวเหมือนกับการคลอดทั่วไป คือของใช้เตรียมคลอด และเตรียมสัมภาระจำเป็น เช่น เสื้อผ้า ของใช้เด็กอ่อน ผ้าอ้อม เสื้อผ้าเด็กอ่อน เอกสารประจำตัวคุณแม่ เอกสารฝากครรภ์รวมถึงประวัติผู้ป่วย ควรเตรียมทุกอย่างไว้ล่วงหน้า ถ้าหากจำเป็นต้องเข้าโรงพยาบาล จะได้เดินทางได้ทันที รวดเร็ว และควรเตรียมค่าใช้จ่ายตั้งแต่ค่าฝากครรภ์จนถึงค่าผ่าคลอดและค่าห้องพักโดยใช้ข้อมูลจากโรงพยาบาลรามาธิบดี ดังนี้
- ค่าฝากครรภ์ ประมาณ 5,000 บาท ตลอดการฝากครรภ์
- ค่าผ่าคลอด ประมาณ 25,000-40,000 บาท
- ค่าห้องพักฟื้น ประมาณวันละ 2,360 บาท โดยจะพักฟื้นประมาณ 4-5 วัน
ค่าผ่าคลอด โรงพยาบาลเอกชน ต่างจากโรงพยาบาลรัฐมากหรือไม่
ค่าการผ่าคลอด ระหว่างในโรงพยาบาลรัฐ และโรงพยาบาลเอกชน ต้องมีราคาต่างกันอย่างแน่นอน เพราะโรงพยาบาลเอกชนจำเป็นต้องมีค่าบริการเพิ่มเติมจากค่าใช้จ่ายทั่วไปอีกด้วย จะขออนุญาตยกตัวอย่างค่าใช้จ่ายเฉพาะค่าผ่าคลอดจากโรงพยาบาลกลาง ประมาณ 15,000 บาท และโรงพยาบาลพญาไท ประมาณ 20,000-40,000 บาท ซึ่งจะเห็นได้ว่าโรงพยาบาลเอกชนจะมีค่าใช้จ่ายเฉพาะค่าผ่าคลอดสูงกว่าโรงพยาบาลรัฐ ตั้งแต่ประมาณ 5,000-25,000 บาท เป็นต้นไป
ผ่าคลอดโรงพยาบาลรัฐ ใช้สิทธิบัตรทองได้หรือไม่ รวมสิทธิประกันสังคม
สิทธิบัตรทอง หรือชื่อเต็มคือสิทธิประกันสุขภาพถ้วนหน้า สามารถเข้ารับบริการฝากครรภ์ ไปจนคลอดบุตรได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ไม่ว่าจะคลอดเองตามธรรมชาติหรือว่าผ่าคลอด แต่หากเป็นการเลือกผ่าคลอดเองนอกเหนือจากที่แพทย์วินิจฉัยว่ามีความจำเป็น จะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการผ่าคลอดเอง สิทธิประกันสังคมก็สามารถใช้ได้เช่นกัน แต่จะให้ผู้เข้ารับการบริการสำรองจ่ายค่าผ่าคลอดไปก่อน แล้วจึงนำเอกสารค่าใช้จ่ายไปขอเบิกคืนจากสำนักงานประกันสังคมต่อไป
สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่กังวลกับวันคลอดที่ใกล้จะมาถึงหรือเริ่มมีอาการใกล้คลอด แล้ว แต่ยังไม่มั่นใจว่าการคลอดจะมีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่บ้าง ขอแนะนำให้คุณพ่อคุณแม่ สอบถามกับทางแพทย์ที่ฝากครรภ์แต่เนิ่น ๆ เพราะจะได้เตรียมตัว เตรียมร่างกาย และค่าใช้จ่าย นอกจากจะลดภาวะความเครียด ลดความวิตกกังวลให้คุณแม่แล้ว ทางคุณพ่อเองก็จะได้ไม่กดดันกับภาระที่คาดไม่ถึง เนื่องจากได้รับข้อมูลมาแล้วล่วงหน้าหลายเดือน ซึ่งไม่ว่าจะเป็นการคลอดตามธรรมชาติหรือผ่าคลอด หรือจะเลือกคลอดโรงพยาบาลใด ก็ขอให้สอบถามข้อมูลอย่างละเอียดกับทางโรงพยาบาล เพื่อสวัสดิภาพของคุณแม่และลูกน้อยที่สมบูรณ์ แข็งแรง
บทความแนะนำสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์
- พัฒนาการทารกในครรภ์ 1-40 สัปดาห์ ที่แม่มือใหม่ห้ามพลาด
- อาการแพ้ท้องของคุณแม่ แพ้ท้องพะอืดพะอม แก้ยังไง พร้อมวิธีรับมือ
- น้ำคร่ำ คืออะไร น้ำคร่ำรั่ว อาการแบบไหน สัญญาณใกล้คลอดที่ต้องรับมือ
- อาการท้องแข็งบ่อย ลูกโก่งตัวบ่อย อันตรายหรือไม่ ทำไมคุณแม่ต้องรู้
- เลือดล้างหน้าเด็กสีอะไร เลือดล้างหน้าเด็กสัญญาณแรกของการตั้งครรภ์
- ตั้งครรภ์ มีเลือดออก ไม่ปวดท้อง คืออะไร อันตรายไหม สำหรับแม่ตั้งครรภ์
- อาการคนท้องระยะแรก สัญญาณการตั้งครรภ์เป็นแบบนี้
- เมนูคนท้อง อาหารคนท้องบำรุงคุณแม่ท้อง ดีต่อลูกในครรภ์
- คนท้องห้ามกินอะไร อาหารที่ส่งผลเสียต่อคุณแม่ตั้งครรภ์
- อาหารคนท้องไตรมาสแรก โภชนาการที่สำคัญสำหรับคุณแม่และทารกในครรภ์
- วิธีนับอายุครรภ์ คำนวณอายุครรภ์ด้วยตัวเอง ก่อนคลอด
- สัญญาณอาการใกล้คลอด เจ็บท้องคลอด อาการก่อนคลอดของคุณแม่
- ของใช้เตรียมคลอด ที่คุณแม่มือใหม่ควรเตรียมของไปคลอด
- การผ่าคลอดและคลอดธรรมชาติ ต่างกันยังไง พร้อมขั้นตอนเตรียมผ่าคลอด
- ผ่าคลอดใช้เวลากี่นาที พร้อมข้อดี-ข้อเสีย คลอดเองกับผ่าคลอด
- แผลผ่าคลอดกี่วันหาย พร้อมวิธีดูแลรอยแผลผ่าคลอดให้ฟื้นตัวไว
- แผลฝีเย็บหลังคลอด แผลคลอดธรรมชาติ ดูแลยังไงให้ปลอดภัย
- หลังผ่าคลอดกินอะไรได้บ้าง คนผ่าคลอดห้ามกินอะไรบ้างช่วยให้แผลหายเร็ว
- ภาวะซึมเศร้าหลังคลอดเกิดจากอะไร พร้อมวิธีรับมืออาการซึมเศร้าหลังคลอด
- ฤกษ์คลอด ฤกษ์ผ่าคลอด วันมงคล เวลาดี สำหรับลูกรัก
อ้างอิง:
- โปรแกรมสุขภาพของโรงพยาบาลกลาง, Healthserv
- แพ็กเกจคลอดเหมาจ่าย คลอดอุ่นใจ, โรงพยาบาลพญาไท
- จะคลอดธรรมชาติ หรือ ผ่าคลอด ดีนะ?, คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล
- การเข้ารับบริการฝากครรภ์และการคลอด, คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
- “หญิงไทยตั้งครรภ์ทุกสิทธิ” มีสิทธิ “ฝากครรภ์คุณภาพ” กับกองทุนบัตรทอง, สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
- สิทธิประกันสังคมสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์, โรงพยาบาลเพชรเวช
อ้างอิง ณ วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2567