ตุ่มใสที่นิ้วอันตรายไหม ลูกมีตุ่มใสขึ้นที่มือคัน คุณแม่รับมือยังไงดี

ตุ่มใสขึ้นที่มือ ลูกมีตุ่มใสขึ้นที่มือคัน อันตรายไหม

21.08.2024

อาการผื่นหรือตุ่มใส ตุ่มแดงตามร่างกายของเด็ก ๆ พบได้บ่อยมาก เนื่องจากเด็กเล็กยังมีผิวหนังที่บอบบาง อาจเกิดจากอาการผื่นแพ้ทั่วไปซึ่งมีลักษณะเป็นตุ่มใส ๆ หรือตุ่มแดงขึ้นตามใบหน้าและแขนขา หรือการติดเชื้อไวรัสต่าง ๆ อาจจะทำให้เกิดการแพร่เชื้อได้ง่าย หรือสารคัดหลั่ง เช่น น้ำมูก น้ำลาย รวมถึงน้ำจากตุ่มใสของเด็กคนที่ป่วยได้ คุณแม่ควรหมั่นเฝ้าสังเกตอาการ

headphones

PLAYING: ตุ่มใสขึ้นที่มือ ลูกมีตุ่มใสขึ้นที่มือคัน อันตรายไหม

อ่าน 6 นาที

 

สรุป

  • อาการผื่นหรือตุ่มใส ตุ่มแดงตามร่างกายของเด็ก ๆ พบได้บ่อยมาก เนื่องจากเด็กเล็กยังมีผิวหนังที่บอบบาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กเล็กก่อนอายุ 5 ขวบ ซึ่งอาจเกิดจากโครงสร้างผิวหนังที่ผิดปกติ โรคภูมิแพ้ หรือการได้รับเชื้อไวรัส
  • โรคมือเท้าปากเกิดจากการติดเชื้อไวรัส จะมีอาการคล้ายไข้หวัด คือ มีไข้ มีตุ่มใสที่ฝ่ามือ นิ้วมือ ฝ่าเท้า ก้น และมีแผลในช่องปาก เด็กจะไม่อยากรับประทานอาหาร โดยการรักษาของแพทย์จะเป็นการรักษาตามอาการ และตุ่มใสจะหายเป็นปกติภายใน 5-10 วัน
  • อาการตุ่มใสจากโรคมือเท้าปากเมื่อหายดีแล้วประมาณ 1-2 สัปดาห์ อาจมีอาการแทรกซ้อนรุนแรงได้ เช่น หายใจเร็ว เหนื่อยหอบ ซึมลงชัดเจน ไม่อยากรับประทานอาหาร หรือปวดศีรษะ มาก ต้องรีบพบแพทย์โดยทันที

 

เลือกอ่านตามหัวข้อ

 

ลูกมีตุ่มใสขึ้นที่มือคันยุบยิบ เกิดจากอะไรได้บ้าง

  • โรคภูมิแพ้ ในเด็กเล็กอายุน้อยกว่า 1 ขวบ ส่วนมากจะมีผื่นแดงคัน เป็นสะเก็ดหรือมีน้ำเหลืองไหลที่ผื่น บริเวณหน้า คอ แขน ขา และศอก เข่า โดยสาเหตุยังไม่ทราบแน่ชัด แต่อาจพบได้ในครอบครัวที่มีประวัติเป็นโรคภูมิแพ้ หรือหอบหืด และการกระตุ้นจากขนสัตว์ ละอองเกสรดอกไม้ ไรฝุ่น รวมไปถึงสบู่ น้ำยาซักผ้า น้ำยาปรับผ้านุ่ม รวมถึงสภาพอากาศ ความเครียด และอาหารการกินได้อีกด้วย
  • ผื่นแพ้ผิวหนัง ผิวหนังอักเสบ เกิดจากโครงสร้างผิวหนังที่ผิดปกติ ทำให้ผิวสูญเสียน้ำจนเกิดอาการผิวแห้งและอักเสบได้ง่าย พบมากบริเวณข้อมือ ข้อเท้า แก้ม ลำคอของเด็กเล็ก และพบตามข้อพับในเด็กโต ซึ่งจะมีอาการคันร่วมด้วย อาจมีอาการเป็น ๆ หาย ๆ เรื้อรัง ส่วนมากพบได้จากประวัติครอบครัวเป็นโรคภูมิแพ้
  • ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เนื่องจากเด็กมีระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายที่ยังทำงานได้ไม่ดีนัก ทำให้เมื่อพบเจอสิ่งกระตุ้นหรือสารที่ทำให้เป็นภูมิแพ้ จึงมีอาการแสดงออกไวกว่าคนปกติทั่วไป ซึ่งอาจจะแสดงอาการเป็นลักษณะผื่นแดงคันบริเวณผิวหนัง ทำให้ลูกน้อยรู้สึกไม่สบายตัวได้
  • ความอับชื้น หากมีตุ่มหรือผื่นขึ้นบริเวณต้นขาด้านใน รวมถึงบริเวณก้น และอวัยวะเพศ อาจเกิดจากความอับชื้นในการสวมใส่ผ้าอ้อมเป็นระยะเวลานาน คุณแม่จึงควรเปลี่ยนผ้าอ้อมบ่อยขึ้น และทาครีมหรือขี้ผึ้งที่ผิวหนังก่อนสวมใส่ผ้าอ้อมทุกครั้ง เพื่อช่วยป้องกันและเคลือบผิวหนังไว้
  • อาการแพ้สารเคมีต่าง ๆ เป็นหนึ่งในสิ่งกระตุ้นให้เกิดผื่นภูมิแพ้ผิวหนังในเด็กได้ ซึ่งสารระคายเคือง เช่น น้ำหอม แอลกอฮอล์ เป็นต้น

 

ลูกมีตุ่มใสที่นิ้วและมือ อาจเกิดจากการนอนไม่พอ

การนอนของทารก ถือเป็นเรื่องสำคัญ หากเด็กได้รับการพักผ่อนไม่เพียงพอหรือมีภาวะเครียด ก็อาจส่งผลต่อการกระตุ้นทำให้เกิดตุ่มน้ำใสบริเวณนิ้วมือ ฝ่ามือ หรือฝ่าเท้าได้ ซึ่งเป็นโรคผิวหนังอักเสบประเภทหนึ่งที่ไม่รุนแรง แต่อาจทำให้เกิดอาการคัน หรือปวด โดยทั่วไปตุ่มใสจะหายเองภายใน 2-3 สัปดาห์ แต่อาจจะกลับมาเป็นซ้ำได้ ดังนั้น ควรให้ลูกได้รับการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และพยายามไม่ให้ลูกเกิดภาวะเครียด

 

ตุ่มใสที่นิ้วและมือของลูก หายเองได้ไหม

โดยทั่วไป ตุ่มใส ๆ ที่มือหรือผื่นภูมิแพ้ผิวหนังจะหายได้เองหากคุณแม่หมั่นรักษาความสะอาด แต่คุณแม่ไม่ควรอาบน้ำให้ลูกบ่อยเกินไปและน้ำไม่ควรร้อนจนเกินไป หลีกเลี่ยงการสัมผัสสารที่อาจก่อให้เกิดการกระตุ้นการแพ้ รวมถึงทาครีมบริเวณผิวหนังเพื่อให้ผิวกักเก็บความชุ่มชื้นและแข็งแรงอย่างสม่ำเสมอ ทั้งหมดนี้จะช่วยให้ตุ่มใสหรือผื่นแดงต่าง ๆ ดีขึ้นจนเป็นปกติได้ในที่สุด

 

ตุ่มใสที่นิ้วและมือของลูก หายเองได้ไหม

 

ลูกเป็นตุ่มใส ๆ ที่มือ ใช่โรคมือเท้าปากไหม

เมื่อลูกมีตุ่มใสเกิดขึ้นบริเวณนิ้วมือ ฝ่ามือ ฝ่าเท้า และก้น หรือแผลในปากคล้ายแผลร้อนใน รวมถึงมีอาการไข้ต่ำ ๆ ก่อนขึ้นผื่นหรือตุ่มใส ประมาณ 12-24 ชั่วโมง ส่วนมากเด็กจะเริ่มไม่อยากรับประทานอาหารเนื่องจากเจ็บแผลในปาก และลิ้นแดงบวม หากพบอาการเหล่านี้คุณพ่อคุณแม่ควรรีบพาไปพบแพทย์ เพื่อตรวจวินิจฉัยว่าเป็นโรคมือเท้าปากหรือไม่ โดยการรักษาจะเป็นการรักษาตามอาการ และตุ่มใสจะหายเป็นปกติประมาณ 5-10 วัน แต่คุณพ่อคุณแม่ก็ไม่ควรนิ่งนอนใจภายหลังตุ่มใสหายดีแล้วประมาณ 1-2 สัปดาห์ อาจมีอาการแทรกซ้อนรุนแรงได้ จึงต้องคอยเฝ้าระวังสังเกตอาการจนหายเป็นปกติ

 

ตุ่มใสที่นิ้วทั่วไป vs โรคมือเท้าปาก สังเกตอย่างไร

ตุ่มใสที่นิ้วทั่วไปอาจเกิดจากอาการแพ้หรือผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง พบที่ใบหน้า แขน ขา โดยส่วนใหญ่เกิดจากพันธุกรรมของคนในครอบครัวที่เป็นภูมิแพ้ หรือการกระตุ้นจากสิ่งแวดล้อมภายนอก แต่โรคมือเท้าปากเกิดจากการติดเชื้อไวรัส จะมีอาการคล้ายไข้หวัด คือ มีไข้ มีตุ่มใสที่ฝ่ามือ นิ้วมือ ฝ่าเท้า ก้น และมีแผลในช่องปาก

 

สัญญาณเตือนอาการร่วม ที่ต้องรีบไปพบแพทย์

หากลูกมีอาการตุ่มใสที่ฝ่ามือ ฝ่าเท้า รวมถึงมีแผลในช่องปาก และมีอาการไข้ ปวดตามข้อ รับประทานอาหารได้น้อยลง อาจสันนิษฐานได้ว่าเป็นโรคมือเท้าปาก ซึ่งโรคนี้อาจมีภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้ เช่น เยื่อหุ้มสมองอักเสบ หรือกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ จนอาจอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้ ดังนั้น หากคุณพ่อคุณแม่สังเกตอาการของลูกว่ามีความผิดปกติเหล่านี้ ควรรีบไปพบแพทย์โดยทันที

  1. หายใจเร็ว เหนื่อยหอบ หน้าซีด
  2. ซึมลงอย่างเห็นได้ชัด ไม่ยอมทานอาหาร ไม่เล่นซุกซนตามปกติ
  3. ปวดหัวมากจนทนไม่ไหว
  4. มีไข้ หรืออาจไม่มีไข้ร่วมด้วย
  5. มีอาการไอ และมีเสมหะมาก
  6. มีอาการเพ้อ พูดไม่รู้เรื่อง
  7. ตัวสั่น สะดุ้งผวาแขนหรือมือสั่น

 

7 วิธีรับมือได้ทันที เมื่อลูกมีตุ่มใสที่นิ้วและมือ

ปัญหาตุ่มใสหรือผื่นคันที่ผิวหนังของลูก เกิดขึ้นได้จากหลากหลายสาเหตุ ซึ่งมีวิธีการดูแลและรักษาที่แตกต่างกันออกไป จึงควรพบแพทย์เฉพาะทางที่สามารถวินิจฉัยสาเหตุของโรค และวางแผนการรักษาได้อย่างถูกวิธี โดยมีวิธีการดูแลในเบื้องต้นหากลูกมีตุ่มใสหรือผื่นคัน ดังนี้

  1. ให้ลูกนอนหลับให้เพียงพอ
  2. ล้างมือลูกให้สะอาด และเช็ดให้แห้งอยู่เสมอ
  3. หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสารเคมี หรือสิ่งที่สงสัยว่าลูกแพ้ เพื่อลดการกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้
  4. อย่าให้ลูกเกาบริเวณที่คัน เพื่อหลีกเลี่ยงอาการที่หนักขึ้น และการเกิดแผลติดเชื้อจากเล็บหรือนิ้วมือที่เกาได้
  5. ทาครีมบำรุง เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวแห้ง ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นและให้ผิวหนังแข็งแรง
  6. หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้เกิดเหงื่อเยอะ ลดความอับชื้น
  7. ให้ลูกได้ทำกิจกรรมที่สนุกสนาน ผ่อนคลาย หลีกเลี่ยงความเครียด

 

เนื่องจากผิวหนังของเด็กยังบอบบางมาก อีกทั้งระบบภูมิคุ้มกันยังทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ จึงทำให้เด็กอาจรับเชื้อโรคได้ง่าย รวมถึงอาการต่าง ๆ เมื่อได้รับการกระตุ้นจากสารเคมีหรือสภาพแวดล้อมภายนอกที่ก่อให้เกิดอาการภูมิแพ้ได้ อันเนื่องมาจากสาเหตุด้านพันธุกรรมของสมาชิกในครอบครัวมีประวัติภูมิแพ้ หรือการกระตุ้นจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ การพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ รวมถึงภาวะเครียดวิตกกังวล ทั้งหมดนี้คุณพ่อคุณแม่ควรหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ และหมั่นสังเกตอาการภูมิแพ้ของลูก และควรปรึกษาคุณหมอเพื่อหาสาเหตุต่อไป

 

บทความแนะนำสำหรับคุณแม่มือใหม่

 

 

อ้างอิง:

  1. 5 ผื่นแพ้ของลูกน้อย พบบ่อย…แต่รับมือได้, โรงพยาบาลกรุงเทพ
  2. โรคมือเท้าปาก, โรงพยาบาลวิภาวดี
  3. ผื่นแพ้ผิวหนังในเด็ก อย่ารอจนเรื้อรัง, โรงพยาบาลกรุงเทพ
  4. โรคผิวหนังเด็ก และภูมิแพ้เด็ก, โรงพยาบาลเจ้าพระยา
  5. 4 โรคภูมิแพ้ในเด็ก เรื่องไม่เล็กที่พ่อแม่ต้องรู้, โรงพยาบาลบางปะกอก
  6. สารพันปัญหาผื่นในเด็ก, โรงพยาบาลสมิติเวช
  7. ผื่นผิวหนังอักเสบชนิดตุ่มน้ำ (DYSHIDROTIC ECZEMA), Pobpad

อ้างอิง ณ วันที่ 9 กรกฎาคม 2567
 

บทความแนะนำ

สังเกตภูมิแพ้ในเด็ก อาการภูมิแพ้อากาศ พร้อมวิธีให้ลูกห่างจากอาการแพ้

สังเกตภูมิแพ้ในเด็ก อาการภูมิแพ้อากาศ พร้อมวิธีให้ลูกห่างจากอาการแพ้

ภูมิแพ้ในเด็กหรือเด็กแก้อากาศในวัยบอบบางเสี่ยงต่อโรคภูมิแพ้ได้ง่าย พ่อแม่สามารถรับมือและคัดกรองความเสี่ยงให้ลูกห่างจากอาการแพ้อากาศ พร้อมเสริมสร้างเกราะคุ้มกัน

อาการภูมิแพ้ในเด็ก คืออะไร เด็กเป็นภูมิแพ้ คุณแม่ป้องกันได้แค่ไหน

อาการภูมิแพ้ในเด็ก คืออะไร เด็กเป็นภูมิแพ้ คุณแม่ป้องกันได้แค่ไหน

ภูมิแพ้ในเด็ก คืออะไร เด็กเป็นภูมิแพ้ เกิดจากหลายปัจจัยอะไรบ้าง คุณแม่ควรหมั่นสังเกตอาการภูมิแพ้ในเด็กของลูกน้อย พร้อมวิธีป้องกันและหลีกเลี่ยงสารกระตุ้นภูมิแพ้

อาการภูมิแพ้ในเด็ก สาเหตุ อาการ พร้อมวิธีดูแลรักษาภูมิแพ้ในเด็ก

โรคภูมิแพ้ในเด็ก อาการ สาเหตุ พร้อมวิธีดูแลอาการภูมิแพ้ในเด็ก

ทำความรู้จักโรคภูมิแพ้ในเด็ก สาเหตุ อาการ และ 3 ข้อควรรู้เกี่ยวกับอาการภูมิแพ้ในเด็กที่เกิดขึ้นกับลูก ภูมิแพ้ในเด็กเกิดจากอะไร พร้อมวิธีดูแลลูกน้อยเบื้องต้น

รู้ทันโรคภูมิแพ้ในเด็ก เด็กแพ้ฝุ่น ภูมิแพ้อาหาร ที่แม่ป้องกันได้

รู้ทันโรคภูมิแพ้ในเด็ก เด็กแพ้ฝุ่น ภูมิแพ้อาหาร ที่แม่ป้องกันได้

โรคภูมิแพ้ในเด็ก เกิดจากอะไร ลูกเป็นภูมิแพ้ฝุ่น ขนสัตว์หรือเด็กแพ้อาหาร คุณแม่ควรสังเกตสารก่อภูมิแพ้ในเด็ก พร้อมวิธีป้องกันอาการเด็กแพ้ฝุ่นและเด็กแพ้อาหาร

เลือกระยะการตั้งครรภ์และพัฒนาการเด็ก