เพลงโมสาร์ทพัฒนาสมอง ให้ลูกฟังตั้งแต่อยู่ในท้องช่วยให้ฉลาดจริงไหม

เพลงโมสาร์ทพัฒนาสมองลูก ตั้งแต่ลูกน้อยอยู่ในท้อง

12.04.2024

คุณแม่หลายคนคงเคยได้ยินมาว่าการได้ฟังเพลงคลาสสิก หรือเพลงโมสาร์ทนั้น สามารถพัฒนาสมองลูกได้ตั้งแต่ในครรภ์ เรื่องนี้เป็นที่ถกเถียงกันมากว่าเป็นจริงหรือไม่ แล้วถ้านอกจากการฟังเพลงแล้ว ยังมีวิธีไหนอีกบ้างที่จะช่วยพัฒนาสมองของลูกน้อยตั้งแต่อยู่ในครรภ์ ในบทความนี้เรามีคำตอบมาบอกกัน

headphones

PLAYING: เพลงโมสาร์ทพัฒนาสมองลูก ตั้งแต่ลูกน้อยอยู่ในท้อง

อ่าน 9 นาที

 

สรุป

  • มีการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับบทเพลงของ Mozart ในปี ค.ศ.1950 ในการพัฒนาศักยภาพสมอง โดย ดร.อัลเฟร็ด โทมาทิส (Alfred A. Tomatis) แพทย์ชาวฝรั่งเศส และพบว่าการฟังดนตรีของโมสาร์ทมีส่วนช่วยให้ความจำและตรรกะของกลุ่มทดลองที่เป็นนักศึกษาจาก 36 สถาบันดีขึ้น
  • ปัจจุบันยังไม่มีงานวิจัยใดพิสูจน์ได้อย่างแน่ชัดว่าการเปิดเพลงให้ลูกน้อยฟังในท้องนั้น จะเป็นผลดีในระยะยาว หรือช่วยเสริมทักษะความรู้ความสามารถของลูกน้อยหลังคลอดได้
  • ในไตรมาสที่ 3 ลูกในท้องสามารถได้ยินเสียงเพลงที่คุณแม่เปิดให้ฟังได้ ควรเลือกเปิดเพลงที่มีท่วงทำนองเบา ๆ ผ่อนคลาย ไม่เปิดเสียงดังเกินไป

 

เลือกอ่านตามหัวข้อ

 

เพลงโมสาร์ท คืออะไร

ก่อนอื่นเรามารู้จักกับโมสาร์ทกันก่อน เขาคือ ว็อล์ฟกัง อมาเดอุส โมทซาร์ท (Wolfgang Amadeus Mozart) นักดนตรีซิมโฟเน่ระดับโลกชาวออสเตรีย เป็นผู้ที่มีผลงานเพลงคลาสสิกมากมาย ซึ่งในปี ค.ศ.1950 บทเพลงของ Mozart ถูกนำมาศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการพัฒนาศักยภาพสมอง โดย ดร.อัลเฟร็ด โทมาทิส (Alfred A. Tomatis) แพทย์ชาวฝรั่งเศส และพบว่าการฟังดนตรีของโมสาร์ทมีส่วนช่วยให้ความจำและตรรกะของกลุ่มทดลองที่เป็นนักศึกษาจาก 36 สถาบันดีขึ้นได้ และเขาเป็นคนสร้างคำว่า “โมสาร์ทเอฟเฟกต์” (The Mozart Effect) ที่เชื่อว่าบทเพลงคลาสสิกเป็นทางเลือกใหม่ ของการพัฒนาสมองให้เกิดการเพิ่มพูนความทรงจำนั่นเอง

 

จากนั้นก็มีการนำเพลงของโมสาร์ทมาใช้กับเด็ก ๆ โดยเชื่อกันว่าหากเด็ก ๆ ได้ฟังเพลงของโมสาร์ทตั้งแต่อยู่ในครรภ์ ก็จะช่วยให้ลูกมีสติปัญญาที่ดี หรือเป็นเด็กฉลาดได้นั่นเอง แต่ในความเป็นจริงแล้ว ยังไม่มีการทำการวิจัยเชิงทดลองระยะยาวกับเด็กที่ได้ฟังเพลงโมสาร์ทตั้งแต่อยู่ในครรภ์เปรียบเทียบกับเด็กที่ไม่ได้ฟัง การทดลองที่ทำให้เกิดคำว่า The Mozart Effect นั้นก็เป็นการทดลองกับผู้ใหญ่ จึงไม่สามารถมาเปรียบเทียบผลของการฟังเพลงของลูกน้อยในครรภ์ได้

 

เพลงโมสาร์ท ช่วยให้ลูกฉลาดขึ้นจริงไหม

คุณแม่บางท่านอาจเคยได้ยินมาบ้างว่า การฟังเพลงขณะตั้งครรภ์นั้น อาจช่วยให้ทารกที่คลอดออกมามีความฉลาดขึ้น และมีพัฒนาการด้านต่าง ๆ ดีขึ้นด้วย แต่ในความเป็นจริงยังไม่มีงานวิจัยใด ๆ พิสูจน์ได้อย่างแน่ชัดว่า การเปิดเพลงให้ลูกน้อยฟังตั้งแต่อยู่ในครรภ์นั้นจะเป็นผลดีในระยะยาว หรือช่วยเสริมทักษะความรู้ความสามารถของลูกน้อยหลังคลอดได้หรือไม่ แต่ที่เป็นประโยชน์ได้อย่างแน่นอนเลยคือ ทำให้คุณแม่ได้ผ่อนคลาย และนอนหลับอย่างสบายมากขึ้นนั่นเอง

 

เพลงโมสาร์ทพัฒนาสมอง เปิดให้ลูกฟังตั้งแต่อยู่ในท้องได้ไหม

คุณแม่สามารถเปิดเพลงให้ลูกฟังได้ตั้งแต่ช่วงไตรมาสที่ 3 จริง ๆ เจ้าตัวเล็กในครรภ์สามารถได้ยินเสียงตั้งแต่ช่วงสัปดาห์ที่ 16 ถึง 18 แล้ว และเมื่ออายุครรภ์ได้ 24 สัปดาห์ หูของลูกจะเริ่มตอบสนองต่อเสียงที่ได้ยิน เงียบลงเพื่อฟัง ส่งเสียงตอบกลับเสียงที่ได้ยิน ขยับตัวตอบรับเสียง หรือหันศีรษะไปตามเสียงที่มารบกวน เช่น เสียงหมาเห่า เสียงเครื่องตัดหญ้า เสียงที่มีความถี่ต่ำ พอเข้าช่วงไตรมาสที่ 3 หรือเมื่อเข้าสู่ช่วงสัปดาห์ที่ 27-40 ลูกในท้องจะจดจำเสียงของคุณแม่ที่สะท้อนผ่านร่างกายของคุณแม่ได้แล้ว รวมถึงเสียงจังหวะการเต้นของหัวใจ เสียงท้องร้องของคุณแม่ด้วย ซึ่งหมายความว่าในไตรมาสที่ 3 ลูกในท้องก็สามารถได้ยินเสียงเพลงที่คุณแม่เปิดให้ฟังได้แล้วเช่นกัน

 

เพลงโมสาร์ท กับพัฒนาการของทารกในครรภ์

 

เพลย์ลิสต์เพลงโมสาร์ทพัฒนาสมอง นำไปเปิดให้ลูกฟังได้เลย

จากการศึกษา อธิบายได้ว่าเสียงเพลงโมสาร์ททำให้ทารกสงบ ผ่อนคลายและสุขสบาย อัตราการเต้นของหัวใจและการหายใจคงที่ ทำให้ทารกหลับลึกและหลับนานขึ้น ส่งผลให้ระบบประสาทส่วนกลางของทารกมีการพัฒนาดีขึ้น สำหรับคุณแม่ที่สนใจจะเปิดเพลงโมสาร์ทให้ลูกฟัง เรารวบรวมเพลย์ลิสต์ (Play list) มาให้แล้ว คุณแม่สามารถใช้ชื่อเพลงเหล่านี้ค้นหาได้เลย

  • Mozart for Babies - Brain Development & Pregnancy Music
  • The Best of Classical Music to Make Baby Kick, intelligent Inside The Womb
  • Pregnancy Music For Mother And Unborn Baby | Relaxing Peaceful Soothing Music For Pregnant Women
  • Music for unborn baby | Brain development | Relax
  • Pregnancy Music Mozart Classical Music for Babies Brain Development Unborn Baby Music

 

เพลงพัฒนาสมองลูกที่ดี ต้องเป็นยังไง

ควรเป็นเพลงเบา ๆ ฟังสบาย ๆ อย่างเพลงคลาสสิก เพลงบรรเลง หรือเพลงที่คุณแม่ชอบ หากคุณแม่ชอบเพลงคลาสสิกก็ฟังเพลงที่ชอบได้โดยเลือกเพลงที่มีจังหวะเบา ๆ ที่เน้นความผ่อนคลาย ไม่มีเนื้อหาเศร้าจนเกินไป เพราะขณะที่เปิดเพลงผู้ที่จะได้รับผลโดยตรง นั่นก็คือคุณแม่ การได้ฟังเพลงทำให้รู้สึกผ่อนคลาย เสมือนได้พักผ่อนและมีความสุข ร่างกายจึงหลั่งสารแห่งความสุขหรือสารเอนดอร์ฟินออกมา ช่วยทำให้เจ้าตัวเล็กได้รับสารแห่งความสุขที่หลั่งมาจากคุณแม่ไปด้วยเช่นกัน สารเอนดอร์ฟินจะส่งผลให้ลูกมีการพัฒนาการทางสมองและด้านอารมณ์ที่ดี และมีความสุขตามไปด้วย การเปิดเพลงควรเปิดเพลงด้วยเสียงที่ดังพอประมาณ มีระยะห่างจากท้องสักเล็กน้อย ไม่จำเป็นต้องฟังแต่เพลงช้า เพราะเพลงที่มีทำนองค่อนข้างเร็ว ก็อาจช่วยกระตุ้นให้ลูกน้อยมีการตื่นตัว และกระตุ้นพัฒนาการทางด้านการได้ยินเช่นกัน

 

แนะนำกิจกรรมที่พ่อแม่ได้ใช้เวลากับลูก และช่วยพัฒนาสมอง

ไม่ใช่แค่ฟังเพลงเท่านั้น แต่ยังมีอีกหลายกิจกรรมที่ช่วยพัฒนาสมอง รวมถึงพัฒนาการทางด้านอื่น ๆ ของลูกได้เช่นกัน

1. พูดคุยกับลูก

เพราะการพูดคุยกับลูกในครรภ์บ่อย ๆ ด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ประโยคซ้ำ ๆ เพื่อให้ลูกคุ้นเคย จะช่วยให้ระบบประสาทและสมองที่ควบคุมการได้ยินมีพัฒนาการที่ดี และเตรียมพร้อมสำหรับการได้ยินของลูกหลังคลอด ควรเล่าแต่เรื่องดี ๆ เพราะจิตใจของคุณแม่ก็จะสงบเป็นสุขไปด้วย ไม่ควรเล่าเรื่องทุกข์ใจให้ลูกฟัง ถึงแม้เราจะไม่รู้ว่าเจ้าตัวเล็กจะเครียดไหม แต่คุณแม่ที่เป็นคนเล่านั้นเกิดความเครียดแน่นอน

 

2. ลูบหน้าท้องเบา ๆ

การลูบหน้าท้องเป็นวงกลม จากทางด้านล่างขึ้นข้างบนหรือจากทางด้านบนลงล่างก็ได้ จะเป็นการช่วยกระตุ้นระบบประสาทและสมองส่วนรับรู้ความรู้สึกของลูก ช่วยให้ลูกมีพัฒนาการดีขึ้นได้เช่นกัน

 

3. ส่องไฟที่หน้าท้อง

การส่องไฟที่หน้าท้องจะทำให้เซลล์สมองและเส้นประสาทส่วนรับภาพและการมองเห็นมีการพัฒนาดีขึ้น คุณแม่รู้ไหมว่าลูกน้อยในครรภ์สามารถกระพริบตาเพื่อตอบสนองต่อแสงไฟได้ตั้งแต่อายุครรภ์ประมาณ 7 เดือน การส่องไฟยังเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับการมองเห็นภายหลังคลอดอีกด้วย

 

4. เลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสม

คุณแม่ตั้งครรภ์ควรเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์เหมาะสำหรับแม่ตั้งครรภ์ นอกเหนือจากโปรตีนแล้ว “ไขมัน” ก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะเนื้อสมองของลูกน้อยในครรภ์มีไขมันเป็นส่วนประกอบหลัก โดยเฉพาะที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัว ซึ่งมีมากถึง 60 เปอร์เซ็นต์ และกรดไขมันที่มีชื่อว่า ดีเอชเอ (DHA - Docosahexaenoic Acid) และ เออาร์เอ (ARA - Arachidonic Acid) นั้นมีความสำคัญต่อพัฒนาการสมองของลูกน้อยมาก ซึ่ง ดีเอชเอ (DHA) มีมากในอาหารจำพวกปลาทะเลและสาหร่ายทะเล ส่วน เออาร์เอ (ARA) มีมากในอาหารจำพวกน้ำมันพืช เช่น น้ำมันดอกคำฝอย น้ำมันเม็ดทานตะวัน เป็นต้น การเลือกรับประทานอาหารที่มีสารอาหารดังกล่าวก็เพื่อสร้างเนื้อสมองและระบบเส้นใยประสาทที่ดีให้ลูกน้อยต่อไป

 

เรื่องของบทเพลงของโมสาร์ทแม้ว่าจะยังไม่มีงานวิจัยรองรับว่าทำให้ลูกฉลาดได้ แต่การฟังเพลงคลาสสิก เพลงบรรเลง หรือเพลงที่คุณแม่ชอบ ก็ยังเป็นผลดีต่อทั้งคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์เสมอ เพราะมีส่วนช่วยกระตุ้นพัฒนาการด้านต่าง ๆ ของลูกน้อยในครรภ์ ทำให้คุณแม่อารมณ์ดี ผ่อนคลาย ไม่เครียด ไม่หงุดหงิด ส่งผลให้ลูกน้อยในครรภ์มีความสุขตามไปด้วยเช่นกัน ซึ่งเป็นผลที่เห็นได้ชัดเจนทันทีหลังจากได้ฟังเพลงที่คุณแม่พิสูจน์ได้ด้วยตัวเอง

 

บทความแนะนำสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์

 

 

อ้างอิง:

  1. ศึกษาทัศนคติของผู้บริโภคที่จะใช้ดนตรีคลาสสิกเพื่อเป็นการสื่อการเรียนรู้สำหรับเด็กทารก, มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
  2. ตั้งครรภ์ เสียงดนตรี และผลดีต่อเด็กในท้อง, pobpad
  3. เปิดเพลงให้ลูกในท้องฟัง ช่วยให้ลูกผ่อนคลายและเสริมสร้างพัฒนาการ, hellokhunmor
  4. ผลของเสียงเพลงโมสาร์ทต่ออัตราการเต้นของหัวใจ อัตราการหายใจ ค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด และระยะเวลาการนอนหลับในทารกเกิดก่อนกำหนด, คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
  5. “เพลง” ช่วยกระตุ้นสมองให้ลูกฉลาดได้ จริงหรือ?, โรงพยาบาลเปาโล
  6. อยากกระตุ้นให้ลูกฉลาดตั้งแต่อยู่ในท้อง, คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล

อ้างอิง ณ วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2567

บทความแนะนำ

ตุ่มใสที่นิ้วอันตรายไหม ลูกมีตุ่มใสขึ้นที่มือคัน คุณแม่รับมือยังไงดี

ตุ่มใสที่นิ้วอันตรายไหม ลูกมีตุ่มใสขึ้นที่มือคัน คุณแม่รับมือยังไงดี

ตุ่มใสที่นิ้วลูก เกิดจากอะไร ลูกมีตุ่มใสที่มือคัน อันตรายไหม คุณพ่อคุณแม่จะรับมืออย่างไร หากลูกมีตุ่มใส ๆ ที่มือ พร้อมวิธีบรรเทาตุ่ม ใสที่นิ้ว

ลูกถ่ายวันละ 3-4 ครั้งปกติไหม ลูกถ่ายกะปริบกะปรอย อันตรายหรือเปล่า

ลูกถ่ายวันละ 3-4 ครั้งปกติไหม ลูกถ่ายกะปริบกะปรอย อันตรายหรือเปล่า

ลูกถ่ายวันละ 3-4 ครั้งปกติไหม หากลูกถ่ายกะปริบกะปรอยบ่อย ๆ ทุกวัน อันตรายกับลูกน้อยหรือเปล่า อาการถ่ายบ่อยของลูกแบบไหนที่คุณแม่ควรรีบพาไปพบแพทย์

เปลี่ยนชื่อลูกทำยังไง เปลี่ยนชื่อลูกในสูติบัตร มีขั้นตอนอย่างไร

เปลี่ยนชื่อลูกทำยังไง เปลี่ยนชื่อลูกในสูติบัตร มีขั้นตอนอย่างไร

อยากเปลี่ยนชื่อลูกทำยังไง เปลี่ยนชื่อลูกในสูติบัตรต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง มีขั้นตอนการเปลี่ยนชื่อลูกยังไง ไปดูเอกสารที่ต้องเตรียมและขั้นตอนการเปลี่ยนชื่อกัน

ลูกหายใจครืดคราดแต่ไม่มีน้ำมูก เป็นเพราะอะไร เป็นสัญญาณอันตรายไหม

ลูกหายใจครืดคราดแต่ไม่มีน้ำมูก เกิดจากอะไร อันตรายกับลูกน้อยไหม

อาการลูกหายใจครืดคราดแต่ไม่มีน้ำมูก เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ คุณพ่อคุณแม่ควรหมั่นสังเกตอาการของลูกน้อยให้ดี เมื่อลูกหายใจครืดคราดแต่ไม่มีน้ำมูก

เลือกระยะการตั้งครรภ์และพัฒนาการเด็ก