อาการคัดเต้าคนท้องเป็นอย่างไร ตั้งครรภ์คัดเต้าตอนไหน พร้อมวิธีบรรเทา

อาการคัดเต้าคนท้องเป็นอย่างไร แม่ตั้งครรภ์คัดเต้าตอนไหน

02.04.2024

อาการคัดเต้าเป็นอาการที่พบได้ในผู้หญิงมีประจำเดือน และคุณแม่ตั้งครรภ์ ซึ่งเป็นผลมาจากฮอร์โมนของร่างกายที่เปลี่ยนแปลง แม้ว่าอาการคัดเต้าในคุณแม่ตั้งครรภ์เป็นอาการที่ไม่ร้ายแรงหรือส่งผลกระทบต่อทารกน้อยในครรภ์ แต่ก็ทำให้รู้สึกปวดตึง อึดอัด ไม่สบายตัว คุณแม่ตั้งครรภ์จึงควรหมั่นสังเกตตัวเอง และเตรียมพร้อมรับมือกับอาการที่เกิดขึ้นอย่างถูกวิธี

headphones

PLAYING: อาการคัดเต้าคนท้องเป็นอย่างไร แม่ตั้งครรภ์คัดเต้าตอนไหน

อ่าน 6 นาที

 

สรุป

  • คนท้องมีอาการคัดเต้าเกิดจากฮอร์โมนเอสโตรเจน และโปรเจสเตอโรนที่เพิ่มขึ้น อาการคัดเต้าของคนท้องจะมีระยะเวลานานกว่าอาการคัดเต้าจากประจำเดือน เกิดขึ้นได้มากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับสุขภาพและฮอร์โมนของแต่ละคน
  • คุณแม่ท้อง จะมีอาการคัดเต้านมได้หลังจากตั้งครรภ์ 1-2 สัปดาห์ ซึ่งการคัดเต้านมที่เกิดจากการตั้งครรภ์นี้ จะทำให้คัดเต้านมได้ไปจนถึงหลังคลอดลูก และให้นมลูก
  • อาการคัดเต้าในคนท้อง จะทำให้เต้านมมีขนาดใหญ่ขึ้น เนื่องจากร่างกายต้องทำการเตรียมพร้อมผลิตน้ำนม นอกนั้นอาจทำให้คันบริเวณเต้านม หัวนมและลานนมเปลี่ยนเป็นสีคล้ำไปจากเดิม
  • อาการคัดเต้านมนั้นสามารถดูแลบรรเทาอาการให้ลดลงได้ แต่หากถ้ามีอาการปวด คัดเต้ามากขึ้น เต้านมมีก้อนแข็ง หรือมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย คุณแม่ควรปรึกษาแพทย์

 

เลือกอ่านตามหัวข้อ

 

คนท้องมีอาการคัดเต้า เกิดจากอะไร

อาการคัดเต้าในคนท้อง เกิดจากฮอร์โมนที่เปลี่ยนไป คือฮอร์โมนเอสโตรเจน และฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน ที่เพิ่มมากขึ้น เพื่อที่ร่างกายเตรียมผลิตน้ำนมให้ลูกน้อย ทำให้เลือดไหลเวียนไปยังเต้านมเพิ่มขึ้น จนทำให้เต้านมขยายใหญ่ หัวนมเปลี่ยนสี คล้ำขึ้น และมีอาการคัดเต้า

 

ตั้งครรภ์คัดเต้าตอนไหน ทำไมแต่ละคนมีอาการมากน้อยต่างกัน

คุณแม่ท้อง จะมีอาการคัดเต้านมได้หลังจากตั้งครรภ์ 1-2 สัปดาห์ ซึ่งการคัดเต้านมที่เกิดจากการตั้งครรภ์นี้ จะทำให้คัดเต้าได้นานกว่าตอนที่เป็นประจำเดือน นานกว่า 3 เดือน หรือนานจนกระทั่งนานไปถึงให้นมลูก อาการคัดเต้านมนี้ เกิดขึ้นได้มากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมน และสุขภาพของคุณแม่แต่ละท่าน

 

ทำไมก่อนมีประจำเดือนกับตั้งครรภ์ ถึงมีอาการคัดเต้าคล้ายกัน

ก่อนมีประจำเดือนกับช่วงแรกของการตั้งครรภ์ ฮอร์โมนของผู้หญิงจะมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม จึงส่งผลทางด้านอารมณ์และร่างกาย เช่น อาการคัดเต้านม ทำให้อาการของผู้หญิงก่อนมีประจำเดือนและผู้หญิงที่ตั้งครรรภ์ จะมีลักษณะคล้ายคลึงกัน

 

อาการคัดเต้าช่วงก่อนมีประจำเดือน

อาการคัดเต้าของผู้หญิงช่วงก่อนมีประจำเดือน เกิดจากฮอร์โมนผู้หญิง ที่สูงขึ้น จึงทำให้เต้านมขยาย คัดตึง เต้านมหนาขึ้น หนักขึ้น รู้สึกไม่สบายตัว อาการคัดเต้าช่วงก่อนมีประจำเดือน จะมีอาการบรรเทาลง ปวดน้อยลง ในวันที่ประจำเดือนมาช่วงวันแรก ๆ

 

อาการคัดเต้าคนท้องเป็นอย่างไร

 

อาการคัดเต้าคนท้องเป็นอย่างไร

  1. รูปร่างเต้านมที่โตขึ้น เต้านมเปลี่ยนขนาดโตขึ้นเป็นผลของการที่ร่างกายคุณแม่เตรียมจะผลิตน้ำนมสำหรับให้ลูกหลังคลอด
  2. มีการสร้างน้ำนมมากขึ้น คุณแม่ท้องอาจรู้สึกถึงน้ำหนักของเต้านมที่มากขึ้น แน่นขึ้น เพราะช่วงระยะแรกของการตั้งครรภ์ น้ำนมจะเพิ่มมากขึ้น หน้าอกจะไวต่อความรู้สึกและการสัมผัส อาการเหมือนช่วงมีประจำเดือน
  3. คันบริเวณเต้านม เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย และเตรียมความพร้อมในการผลิตน้ำนมเกิดขึ้น เต้านมคัด ขยายใหญ่ อาจส่งผลให้คุณแม่มีอาการคันที่เต้านมได้
  4. หัวนมเปลี่ยนสีจากเดิม ฮอร์โมนที่เปลี่ยนไปในการตั้งครรภ์ จะส่งผลต่อการสร้างเม็ดสีของผิวหนังคุณแม่ ช่วง 2-3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ หัวนมและลานนม อาจมีสีที่คล้ำขึ้น ขยายใหญ่ขึ้น
  5. มีน้ำนมไหล เต้านมของคุณแม่ท้องจะเต็มไปด้วยน้ำนมเหลือง จึงอาจทำให้น้ำนมเหลืองนั้นไหลออกจากเต้าได้ในช่วง 2-3 เดือนแรกของการตั้งท้องหรือก่อนคลอด ซึ่งแม่ท้องบางท่านอาจจะไม่มีอาการนี้เลยก็ได้
  6. มีตุ่มนูนตรงบริเวณลานหัวนม ซึ่งตุ่มนี้เป็นต่อมไขมันที่มีอยู่ตามธรรมชาติ แต่พอคุณแม่ตั้งครรภ์แล้วจะเห็นได้ชัดขึ้นกว่าเดิม ทำหน้าที่หลั่งน้ำมันเคลือบชั้นผิวหนังลดการเสียดสีของลานนมและหัวนม

 

13 อาการอื่น ๆ ของคนท้องระยะแรก

  1. ประจำเดือนมาช้า ประจำเดือนขาด เพราะร่างกายเกิดการปฏิสนธิ
  2. มีเลือดออกกะปริบกะปรอย มีเลือดออกทางช่องคลอดเหมือนคนใกล้หมดประจำเดือน เนื่องจากตัวอ่อนที่ไปฝังตัวอยู่บนผนังมดลูก
  3. หงุดหงิดไม่มีสาเหตุ อารมณ์แปรปรวนง่าย เพราะความเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน
  4. ปัสสาวะบ่อย คุณแม่ท้องปวดปัสสาวะบ่อยขึ้นเพราะมดลูกที่โตขึ้นไปกดกระเพาะปัสสาวะ อาการนี้จะค่อย ๆ ดีขึ้น เมื่อมดลูกเริ่มขยายเข้าในท้อง
  5. จมูกไว รับรู้กลิ่นได้ไว เมื่อร่างกายคนท้องมีฮอร์โมนเอสโตรเจนที่เพิ่มขึ้น จะทำให้รับรู้กลิ่นได้ไวกว่าคนทั่วไป
  6. คลื่นไส้ อาเจียน เป็นหนึ่งในอาการแพ้ท้อง มักเกิดภายใน 1 เดือน หลังจากตั้งท้อง หรือในช่วง เดือนที่ 3-4 คุณแม่บางท่าน อาจไม่มีอาการนี้ก็ได้
  7. วิงเวียน หน้ามืด คุณแม่ท้องจะรู้สึกหน้ามืด ตาลาย วิงเวียน เพราะความดันและฮอร์โมนมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม
  8. ปวดศีรษะ อาการนี้มักเกิดขึ้นได้บ่อยในช่วง 3 เดือนแรก เมื่อมีการกดทับของหลอดเลือดใหญ่ ทำให้การนำเลือดจากร่างกายไปสู่หัวใจได้ไม่ดีเหมือนเดิม ทำให้คุณแม่มีอาการปวดศีรษะ วิงเวียน เป็นลมได้
  9. กินอาหารแปลกไปกว่าเดิม บางคนเบื่ออาหารที่ชอบ หรือทานอาหารที่ไม่เคยชอบทาน
  10. ปวดหลัง อาการปวดหลังจะเป็นจนถึงกระทั่งคลอด เนื่องจากมดลูกที่ใหญ่ขึ้น น้ำหนักมากขึ้น ทำให้ส่วนหลังของคุณแม่ต้องแบกน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น ทำให้เกิดอาการปวดหลังได้
  11. ท้องผูก ถ่ายยากกว่าเดิม เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน มีผลต่อระบบขับถ่าย ทำให้ระบบขับถ่ายของคุณแม่ทำงานได้ช้าลง จึงทำให้ท้องผูก
  12. อาการคล้ายจะเป็นไข้ อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น เพราะมีการสร้างฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนเพิ่มขึ้น
  13. อ่อนเพลีย สาเหตุเพราะอวัยวะหลายส่วนในร่างกาย ต้องทำงานหนักเพื่อบำรุงตัวอ่อนที่อยู่ในครรภ์

 

คัดเต้านมมาก ช่วยบรรเทาอาการได้ไม่ยาก

  1. เลือกเสื้อผ้าใส่แบบสบาย ไม่รัดแน่นจนเกินไป เนื้อผ้านุ่มนวล
  2. สวมเสื้อชั้นในที่ไม่กดทับ หรือเสื้อชั้นในแบบไร้โครง ขนาดของเสื้อชั้นในต้องไม่หลวมหรือคับจนแน่น และโอบอุ้มกระชับเต้านมได้ดี
  3. บรรเทาอาการปวด คัดตึงเต้านม ด้วยการประคบเย็นด้วยเจล หรือผ้าชุบน้ำเย็น ประคบเย็นที่เต้านมทุก ๆ ชั่วโมง ครั้งละ 15 นาที เพื่อช่วยให้ชะลอการไหลเวียนของเลือด ทำให้หลอดเลือดหดตัวลง
  4. ทานอาหารคนท้องที่มีประโยชน์และสมดุล
  5. เคลื่อนไหว ออกกำลังกายเบา ๆ เพื่อช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือด
  6. ถ้าอาการปวดคัดเต้าไม่ดีขึ้น หรือมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย ควรปรึกษาแพทย์

 

อาการคัดเต้าในคนท้อง เป็นหนึ่งในอาการที่พบได้ทั่วไปในการตั้งครรภ์ระยะแรก เพื่อที่ร่างกายเตรียมผลิตน้ำนมให้ลูกน้อย ทำให้เลือดไหลเวียนไปยังเต้านมเพิ่มขึ้น อาการคัดเต้านม มักจะไม่รุนแรง คุณแม่ตั้งครรภ์สามารถดูแลบรรเทาอาการคัดเต้านี้ได้ด้วยตัวเอง หากอาการปวดคัดเต้าไม่ดีขึ้น มีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย หรือมีก้อนแข็งบริเวณเต้านม ควรพบแพทย์เพื่อรับการรักษาอย่างละเอียด

 

บทความแนะนำสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์

 

 

อ้างอิง:

  1. เจ็บนม คัดเต้านม อาการของคนตั้งครรภ์ในระยะแรก, HelloKhunmor
  2. อาการคนท้อง กับก่อนมีประจำเดือนต่างกันอย่างไร, โรงพยาบาลวิชัยเวช
  3. อาการคัดเต้าคนท้องเป็นอย่างไร และวิธีบรรเทาอาการที่ควรรู้, HelloKhunmor
  4. อาการคัดเต้าในคนท้อง, โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 9 แอร์พอร์ต
  5. อาการคนท้องเดือนแรก สัญญาณเริ่มต้นว่ากำลังตั้งครรภ์, โรงพยาบาลศิครินทร์

อ้างอิง ณ วันที่ 31 มกราคม 2567

บทความแนะนำ

คนท้องกินน้ำขิงได้ไหม มีประโยชน์ยังไง อันตรายกับลูกในท้องหรือเปล่า

คนท้องกินน้ำขิงได้ไหม มีประโยชน์ยังไง อันตรายกับลูกในท้องหรือเปล่า

คนท้องกินน้ำขิงได้ไหม คุณแม่ท้องอยากกินน้ำขิง เพื่อบำรุงสุขภาพครรภ์ น้ำขิงดีกับลูกในท้องหรือเปล่า กินเท่าไหร่ถึงพอดีและปลอดภัยกับคุณแม่และลูกในครรภ์

หยุดกินยาคุม 1 เดือน จะท้องไหม ว่าที่คุณแม่เลิกกินยาคุมกี่เดือนท้องได้

หยุดกินยาคุม 1 เดือน จะท้องไหม ว่าที่คุณแม่เลิกกินยาคุมกี่เดือนท้องได้

หยุดกินยาคุม 1 เดือน จะท้องไหม เลิกกินยาคุมกี่เดือนท้อง กินยาคุมมานาน เสี่ยงมีลูกยากจริงไหม ว่าที่คุณแม่ควรทำอย่างไร ถ้าอยากมีลูกเร็วหลังหยุดยาคุม

อาการท้องลด หนึ่งในสัญญาณเตือนคุณแม่ใกล้คลอด

อาการท้องลด หนึ่งในสัญญาณเตือนคุณแม่ใกล้คลอด

ท้องลด คืออะไร อาการท้องลดขณะตั้งครรภ์จะเกิดขึ้นตอนไหน อาการท้องลดของคุณแม่ คือสัญญาณใกล้คลอดจริงไหม หลังเกิดอาการท้องลด นานแค่ไหนถึงจะคลอด ไปดูกัน

คนท้องปวดก้นกบ อันตรายไหม ปวดก้นบ่อย ทำยังไงให้หายปวด

คนท้องปวดก้นกบ อันตรายไหม ปวดก้นบ่อย ทำยังไงให้หายปวด

คนท้องปวดก้นกบ เกิดจากอะไร คุณแม่ปวดก้นกบบ่อย อันตรายไหม ส่งผลอะไรกับลูกหรือเปล่า ถ้าไม่กินยา คนท้องปวดก้นหายเองได้ไหม ต้องทำยังไงให้อาการปวดหายไป

เลือกระยะการตั้งครรภ์และพัฒนาการเด็ก