คนท้องกินยาอะไรได้บ้าง วิธีดูแลลูกในครรภ์ให้ปลอดภัยเมื่อแม่ป่วย
เมื่อเกิดอาการเจ็บป่วย คนท้องกินยาอะไรได้บ้าง วิธีดูแลลูกในครรภ์ให้ปลอดภัยเมื่อแม่ป่วย รวมถึงวิธีการดูแลตนเองให้หายป่วยได้โดยที่ไม่ต้องใช้ยา
อาการป่วย เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้จริงไหม? หากเราป่วยตอนที่ร่างกายปกติก็คงจะหายาทานเอง แล้วสามารถหายได้ แต่ถ้าเราเกิดอาการเจ็บป่วยขึ้นมาในขณะตั้งครรภ์ คุณแม่จะต้องดูแลตัวเอง และใส่ใจรายละเอียดมากกว่าเดิมหลายเท่า ก็ตอนนี้มีเจ้าตัวเล็กอยู่ด้วยกันอีกคน จะรับประทานยาอะไรเข้าไปก็ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะการกินยาในขณะตั้งครรภ์อาจส่งผลต่อลูกน้อยในครรภ์ได้ งั้นลองมาดูกันว่า คนท้องกินยาอะไรได้บ้าง รวมถึงวิธีการดูแลตัวเองเมื่อป่วยตอนตั้งครรภ์
เมื่อเป็นหวัดตอนท้อง คุณแม่กินยาได้รึเปล่านะ?
ในช่วงที่คุณแม่ตั้งครรภ์จะมีระดับภูมิคุ้มกันต่ำ อาจทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยได้ง่าย เช่น ไม่สบายตัว เป็นหวัด เป็นไข้ หากมีอาการป่วยแล้ว จะใช้ระยะเวลาในการรักษานานมากกว่าปกติ การรักษาด้วยยาที่ซื้อด้วยตัวเอง ในกรณีนี้ควรเลือกใช้ด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ คุณแม่ไม่ควรซื้อยากินเองในระหว่างตั้งครรภ์ ถึงแม้จะเป็นยาสามัญประจำบ้านก็ตาม เนื่องจากยาทุกชนิดอาจทำให้เกิดอันตรายต่อทารกในครรภ์ได้ เพราะเมื่อยาเข้าไปในกระแสเลือดของแม่จะซึมผ่านรกเข้าสู่กระแสเลือดของทารกในครรภ์ เช่นเดียวกับน้ำ สารอาหาร และออกซิเจนที่ทารกได้รับทางสายสะดือ ซึ่งยาจะส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ได้นั่นเอง คุณแม่ควรพบแพทย์เพื่อรักษาอาการให้ถูกต้อง เพื่อให้ลูกน้อยปลอดภัย และรักษาอาการดังกล่าวได้อย่างตรงจุดมากที่สุด
สำหรับเรื่องการใช้ยาในคุณแม่ตั้งครรภ์ มีข้อมูลที่น่าสนใจจากโรงพยาบาลวิชัยยุทธและโรงพยาบาลพญาไท มาฝาก
ในช่วงตั้งครรภ์ เป็นช่วงที่ลูกน้อยกำลังสร้างอวัยวะต่างๆ เพื่อป้องกันความผิดปกติของทารกเพราะยาหลายชนิดจะมีผลต่อการเจริญและพัฒนาการของทารกในครรภ์ ยาที่คุณแม่ใช้ได้จึงมีจำกัดมากๆ หากคุณแม่ป่วยและจำเป็นต้องใช้ยาในการรักษาจริงๆ แนะนำให้ปรึกษา เภสัชกร คุณพยาบาล หรือแพทย์ก่อนทุกๆ ครั้ง เพื่อความปลอดภัยของทารกในครรภ์
1. ยาลดไข้แก้ปวด คุณแม่ตั้งครรภ์สามารถทานยาพาราเซตามอลเพื่อลดไข้ได้ แต่สิ่งสำคัญคือควรหาสาเหตุของการเป็นไข้ให้พบก่อนจะซื้อยากินด้วยตัวเอง ทางที่ดีจึงควรมาพบแพทย์เพื่อค้นหาสาเหตุ และรับยาที่ตรงกับอาการ เนื่องจากยาลดไข้บางกลุ่ม หรือยาชนิดอื่นๆ อาจจะมีผลกับหัวใจ และเส้นเลือดของทารกในครรภ์ได้
2. ยาลดน้ำมูกแก้แพ้คือ “คลอเฟนิรามีน” ที่นิยมใช้กันมาก และปลอดภัยที่สุด หรือยาเม็ดแก้แพ้อากาศเม็ดสีเหลืองที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย แต่อาจมีผลข้างเคียงทำให้เกิดอาการปากแห้ง ง่วงซึม มึนงง ดังนั้นถ้าคุณแม่มีอาการคัดจมูกไม่มากนัก แนะนำให้ใช้วิธีธรรมชาติ เช่น สูดดมไอน้ำร้อน ดมหรือทายาน้ำมันหอมระเหย รักษาร่างกายให้อบอุ่น และดื่มน้ำมากๆ ก็ช่วยบรรเทาอาการได้
3. ยาปฏิชีวนะในหญิงตั้งครรภ์อาจเลือกใช้ยากลุ่มเพนิซิลลิน เป็นยาที่ใช้ได้อย่างปลอดภัยระหว่างตั้งครรภ์ ยาชนิดนี้ใช้ได้ทั้งการอักเสบติดเชื้อทางเดินหายใจ ช่องปาก ทางช่องหู ทางเดินอาหาร ทางเดินปัสสาวะ ทางช่องคลอด ทางผิวหนัง เป็นต้น แต่หากคุณแม่มีประวัติแพ้ยาชนิดนี้ แนะนำให้แพทย์ก่อนทานยาทุกครั้ง
4. ยาระบาย ปัญหาท้องผูกเป็นปัญหาที่พบบ่อยในคุณแม่ขณะตั้งครรภ์ คุณแม่จึงควรรับประทาน ผัก ผลไม้ ที่มีกากใยมากๆ และดื่มน้ำให้เพียงพอ เพราะการใช้ยาควรใช้เมื่อจำเป็นจริงๆ และเลือกแบบที่ออกฤทธิ์นุ่มนวล เช่น ยาที่ผลิตจากเมล็ดเทียนเกล็ดหอย (เมตามูซิล) ยาที่ผลิตจากใบมะขามแขก (เซโนคอต) หรือยาที่สอดเข้าทางทวารหนัก แต่ถ้ามีปัญหาเรื่องท้องเสียควรทดแทนด้วยการดื่มน้ำเกลือแร่ ถ้าอาการไม่ดีขึ้นควรปรึกษาแพทย์
5. ผงเกลือแร่ เป็นยาสามัญอีกชนิดหนึ่งที่สามารถใช้เพื่อทดแทนการสูญเสียเกลือแร่ เนื่องจากท้องเสีย ท้องเดิน หรืออุจจาระร่วงได้
คนท้องกินยาอะไรได้บ้าง... คนท้องกินยาแก้แพ้ได้ไหม?
คำตอบคือ กินได้ค่ะ! แต่ยาแก้แพ้มีด้วยกันหลายชนิด ที่ปลอดภัยสำหรับคนท้องคือ คลอร์เฟนิรามีน หรือ CPM ช่วยลดอาการแพ้ คัน และลดน้ำมูก คุณแม่ควรใช้เฉพาะเมื่อมีอาการเท่านั้น หากไม่มีอาการก็ควรหยุดใช้ เพราะยาแก้แพ้อาจมีผลข้างเคียงทำให้คุณแม่มีอาการง่วงซึม และส่งผลต่อการทำกิจกรรมต่างๆ ในแต่ละวันได้
ผลกระทบต่อลูกในครรภ์จากการรับประทานยาอันตราย
ถ้าแม่ได้รับยาที่อันตรายต่อทารก ในช่วง 3 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์ อาจทำให้เกิดการแท้งหรือทารกเสียชีวิต ถ้าได้รับระหว่างสัปดาห์ที่ 3-8 หลังการปฏิสนธิ ซึ่งเป็นช่วงที่ทารกกำลังเร่งสร้างอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย อาจทำให้อวัยวะไม่ครบหรือผิดปกติได้ และถ้าได้รับช่วงเดือนที่ 4-9 ที่ทารกกำลังมีการพัฒนาอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย จะส่งผลต่อความสมบูรณ์ของอวัยวะนั่นเอง ตัวอย่างยาที่ยืนยันแล้วว่า อาจเกิดอันตรายต่อทารกได้ ถ้าใช้ในขณะตั้งครรภ์ ได้แก่ ยารักษาสิวไอโสเตรติโนอิน (Isotretinoin) ยารักษามะเร็ง ฮอร์โมนเพศ ยากันชัก ยารักษาโรคไทรอยด์ ยาต้านแบคทีเรียกลุ่มเตตราไซคลีน กลุ่มอะมิโนกลัยโคไซด์ กลุ่มซัลโฟนาไมด์ เป็นต้น
วิธีการดูแลตัวเองเมื่อเป็นหวัดตอนท้อง โดยไม่ต้องกินยา
เมื่อคุณแม่มีอาการป่วยเป็นหวัดตอนท้อง เพียงเล็กๆ น้อยๆ (ไข้ไม่สูงเกิน 38 องศาเซลเซียส) ก็อาจไม่ต้องทานยา คุณแม่สามารถใช้วิธีอื่นในการดูแลตัวเองเบื้องต้นได้โดยการเช็ดตัว เพื่อไม่ให้อุณหภูมิร่างกายสูง และเลือกน้ำเปล่าอุณหภูมิธรรมดาเท่านั้น เช็ดด้วยการย้อนรูขุมขนขึ้นไป เพื่อให้ร่างกายคลายความร้อนได้มากที่สุด หรือดื่มน้ำมากๆ เพื่อลดอาการระคายเคืองในลำคอ หรือพักผ่อนให้เพียงพอ เพราะอาหารป่วยบางอย่าง แค่ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ประกอบกับการพักผ่อนก็สามารถหายเองได้แล้ว
เมื่อคุณแม่อ่านบทความนี้จบ คงจะหายสงสัยแล้วว่า คนท้องกินยาอะไรได้บ้าง อย่างไรก็ตามเมื่อเป็นหวัดตอนท้อง คุณแม่ควรกินยาที่เหมาะสม ปลอดภัย ควรศึกษาละเอียดก่อนการใช้ยาให้ถูกต้อง และควรไปพบแพทย์ตรวจวินิจฉัย และเข้ารับการรักษาที่ถูกต้อง เพื่อความปลอดภัยทั้งตัวคุณแม่เองและเจ้าตัวเล็กในครรภ์ ทางที่ดีคุณแม่ควรป้องกันตัวเองจากการป่วย โดยการหลีกเลี่ยงการพบปะบุคคลที่กำลังป่วยอยู่ หรือหลีกเลี่ยงการไปแหล่งที่มีโอกาสติดเชื้อสูง เช่น ที่สาธารณะต่างๆ และควรรับประทานอาหารที่หลากหลาย มีประโยชน์อย่างสมดุล ออกกำลังกาย และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เท่านี้ก็จะช่วยให้คุณแม่ห่างไกลโรคต่างๆ ได้แล้ว
อ้างอิง