ลูกหัวโน หัวปูด อันตรายแค่ไหน พร้อมวิธีรับมือ  เบื้องต้นเมื่อลูกหัวโน

ลูกหัวโน หัวปูด อันตรายแค่ไหน พร้อมวิธีรับมือ เบื้องต้นเมื่อลูกหัวโน

07.09.2024

เด็กวัยคลาน วัยกำลังซน หรือลูกวัยอนุบาล บางครั้งเล่นสนุกอาจมีพลาดล้มจนศีรษะไปกระแทกพื้น ชนโต๊ะ หรือสิ่งของที่อยู่ข้าง ๆ จนทำให้ได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ ทำให้มีอาการปูด หัวโน (Minor Head Injury หรือ Bump on Head) ออกมา ซึ่งอาการหัวโนที่ศีรษะเกิดจากแรงกระแทกที่ไม่รุนแรงมาก และมีอาการบาดเจ็บเป็นระยะเวลาเพียงสั้น ๆ เท่านั้น

headphones

PLAYING: ลูกหัวโน หัวปูด อันตรายแค่ไหน พร้อมวิธีรับมือ เบื้องต้นเมื่อลูกหัวโน

อ่าน 5 นาที

 

สรุป

  • อาการหัวโน (Minor Head Injury หรือ Bump on Head) เกิดจากการที่ศีรษะได้รับบาดเจ็บหรือเกิดอุบัติเหตุถูกกระแทกที่ไม่รุนแรงมาก
  • อาการหัวโน หากเป็นการบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยไม่ได้รุนแรง จะดีขึ้นจนหายเป็นปกติใช้เวลาประมาณ 2-3 วัน
  • อาการหัวโน ให้ประคบเย็น ด้วยการใช้ถุงเย็น หรือใช้เป็นน้ำแข็งห่อใส่ผ้า แล้วนำมาประคบที่ศีรษะตรงบริเวณที่ได้รับบาดเจ็บประมาณ 15 นาที

 

เลือกอ่านตามหัวข้อ

 

อุบัติเหตุที่พบบ่อยที่สุดอย่างหนึ่งสำหรับเด็กก็คือการล้มหัวกระแทกพื้น ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการหัวโน หรือหัวปูด ซึ่งสร้างความกังวลให้กับคุณพ่อคุณแม่เป็นอย่างมาก ส่วนใหญ่อาการหัวโนมักไม่รุนแรง แต่ยังมีบางกรณีที่อาจบ่งบอกถึงอันตรายร้ายแรง คุณพ่อคุณแม่จึงควรสังเกตอาการของลูกอย่างใกล้ชิด บทความนี้จะมาไขข้อสงสัยว่าอาการหัวโน หัวปูด ลูกมีอาการแบบไหนอันตราย และควรทำอย่างไรเมื่อลูกน้อยเกิดการกระแทกขึ้นที่ศีรษะจนหัวโน

 

ลูกหัวโน ควรยุบได้เองภายในกี่วัน

ศีรษะของเด็ก ๆ ที่ถูกกระแทกจนได้รับบาดเจ็บ แล้วมีอาการหัวโน หัวปูดออกมา หากเป็นการบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยไม่ได้รุนแรง อาการหัวโนจะดีขึ้นจนหายเป็นปกติ ใช้เวลาประมาณ 2-3 วัน แต่ทั้งนี้หากอาการบาดเจ็บที่ศีรษะจากการถูกกระแทก จนสมองกระทบกระเทือน (Concussion Syndrome) ทำให้การทำงานผิดปกติ ควรรีบพาไปพบแพทย์เพื่อรับการประเมิน โดยอาการนี้อาจจะเป็นเพียงแค่ชั่วคราวและสามารถหายเป็นปกติ ใช้เวลาประมาณ 6 สัปดาห์ ซึ่งหากคุณพ่อคุณแม่พบว่าลูกมีอาการที่นานกว่า 6 สัปดาห์ ควรพาไปพบแพทย์อีกครั้ง

 

เช็กลิสต์อุปกรณ์ปฐมพยาบาลที่ต้องมีติดบ้าน

อุบัติเหตุเกิดขึ้นกับลูกได้ตลอดเวลา ดังนั้นเพื่อการดูแลรักษาอาการบาดเจ็บให้กับลูก ๆ ได้อย่างทันท่วงที และปลอดภัย คุณพ่อคุณแม่จำเป็นต้องมีอุปกรณ์ปฐมพยาบาลพื้นฐานเบื้องต้นเหล่านี้ไว้ใช้ที่บ้าน

1. อุปกรณ์ปฐมพยาบาลพื้นฐาน

  1. แผ่นปิดตา
  2. สำลี น้ำเกลือล้างแผล และ เบตาดีน
  3. ผ้าปิดแผล ผ้าพันแผล ผ้าก๊อซ เข็มกลัด และ พลาสเตอร์

 

2. อุปกรณ์ปฐมพยาบาลเพิ่มเติม

  • กรรไกร ปากคีบ
  • หน้ากากอนามัย ไฟฉาย และนกหวีด
  • ถุงมือแบบใช้ครั้งเดียว และ ถุงทิ้งขยะ
  • แผ่นทำความสะอาดแผล และ ขวดน้ำ

 

วิธีปฐมพยาบาลเมื่อลูกหกล้ม หัวฟาดพื้น หัวโน

 

วิธีปฐมพยาบาลเมื่อลูกหกล้ม หัวฟาดพื้น หัวโน

เมื่อลูกหกล้ม หัวฟาดพื้น มีอาการหัวโนเล็กน้อย และไม่ได้มีอาการผิดปกติอื่นใด คุณพ่อคุณแม่สามารถดูแลปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้ลูกได้ ดังนี้

  1. ตั้งสติเป็นอันดับแรก หากลูกเกิดอุบัติเหตุหกล้ม คุณพ่อคุณแม่ต้องตั้งสติให้ดี อย่าตกใจ
  2. ค่อย ๆ พยุงตัวลูกให้ลุกนั่งช้า ๆ อย่างเบามือ
  3. สังเกตบาดแผลให้ทั่ว เพื่อดูว่าผิวหนังมีบาดแผลฉีกขาด และมีเลือดออกด้วยหรือไม่
  4. ประคบเย็น ใช้ถุงเย็น หรือใช้เป็นน้ำแข็งห่อใส่ผ้า แล้วนำมาประคบที่ศีรษะของลูกประมาณ 15 นาที
  5. สังเกตอาการ 24 ชั่วโมง คุณพ่อคุณแม่สังเกตอาการลูกหลังจากล้มหัวกระแทกพื้น นอกจากหัวโน หัวปูดออกมาแล้วนั้น หากพบอาการผิดปกติ เช่น ปวดศีรษะ คลื่นไส้ กระตุก หรือมีการเกร็ง เป็นต้น ให้รีบพาส่งโรงพยาบาลเพื่อพบแพทย์ทันที

 

ลูกหัวโน ต้องให้กินยาแก้ปวดหรือไม่

หลังจากปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้ลูกแล้ว หากภายใน 24 ชั่วโมง ลูกยังมีอาการเจ็บที่ศีรษะมาก แนะนำให้คุณพ่อคุณแม่พาลูกไปโรงพยาบาลเพื่อให้คุณหมอประเมินอาการ และขอคำแนะนำในการรับประทานยาเพื่อบรรเทาอาการปวดที่ถูกต้อง และในปริมาณเหมาะสมกับช่วงอายุของลูก ไม่ควรซื้อยาให้ลูกทานเอง

 

ลูกหัวโนและมีไข้ร่วมด้วย ผิดปกติไหม

ในกรณีที่ศีรษะกระแทกและเกิดการบาดเจ็บ หัวโน หัวปูดเพียงเล็กน้อย คุณพ่อคุณแม่สามารถพาลูกไปโรงพยาบาล เพื่อให้แพทย์ได้ตรวจดูอาการ และให้การรักษาเบื้องต้น เมื่อแพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้ ยังต้องสังเกตอาการที่บ้านต่อเนื่องอีกอย่างน้อย 72 ชั่วโมง เนื่องจากอาการบาดเจ็บที่มีผลต่อสมองอาจไม่ได้เกิดขึ้นทันที ซึ่งหากพบว่าภายใน 72 ชั่วโมง หรือหลังจากนี้ ลูกมีไข้สูง และปวดในลูกตา หรืออาเจียนมาก เป็นต้น เป็นอาการผิดปกติควรรีบพาลูกกลับไปพบแพทย์ทันที

 

ลูกหัวโนและมีอาการร่วมแบบไหน ต้องไปพบแพทย์

การได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะจากการถูกกระแทก ให้คุณพ่อคุณแม่สังเกตอาการเหล่านี้ที่อาจเกิดขึ้นได้ใน 72 ชั่วโมง ซึ่งหากพบว่าลูกมีอาการผิดปกติเกิดขึ้น ควรรีบพาลูกไปโรงพยาบาลเพื่อพบแพทย์ทันที

  1. ชักเกร็ง
  2. หมดสติ
  3. ซึมผิดปกติ
  4. ปวดหัวรุนแรง
  5. ลูกอาเจียน
  6. พูดไม่รู้เรื่อง และไม่เข้าใจว่าคนรอบข้างสื่อสารว่าอะไร
  7. หายใจลำบาก ชีพจรเต้นช้า
  8. มีเลือดออกทางจมูก หรือหู

 

การที่ลูกหัวโน หัวปูด มักเกิดจากการกระแทกหรือได้รับการกระทบกระเทือนที่ศีรษะ อาการนี้อาจไม่ร้ายแรง แต่ก็ควรสังเกตอาการอย่างใกล้ชิดภายใน 72 ชั่วโมง อย่างไรก็ตามหากพบอาการผิดปกติ เช่น อาเจียน ซึม ปวดศีรษะรุนแรงหรือ ตัวร้อนมีไข้  ควรรีบพาลูกไปพบแพทย์ทันที เพื่อเป็นการป้องกันลูก ๆ จากการได้รับบาดเจ็บ คุณพ่อคุณแม่ และผู้ปกครองควรดูแลเด็กเล็กอย่างใกล้ชิด เก็บสิ่งของที่อาจเป็นอันตรายให้พ้นมือเด็ก และจัดบ้านให้ปลอดภัยเพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ

 

บทความแนะนำสำหรับคุณแม่มือใหม่

 

 

อ้างอิง:

  1. ความหมายหัวโน, POBPAD
  2. ลูกหัวโน เด็กศีรษะกระแทก อย่าชะล่าใจ วิธีสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด, โรงพยาบาลสมิติเวช
  3. First Aid Kit อุปกรณ์ปฐมพยาบาลที่พ่อแม่ต้องมีไว้, โรงพยาบาลสมิติเวช
  4. First Aid Kit ชุดปฐมพยาบาลเบื้องต้นที่ควรมี, โรงพยาบาลบางปะกอก 9
  5. ลูกล้มหัวกระแทกพื้นบ่อยๆ อันตรายแค่ไหน ควรหาหมอหรือไม่, โรงพยาบาลสินแพทย์
  6. เฝ้าระวังหลังศีรษะกระแทก 72 ชั่วโมง, โรงพยาบาลศิริราชปิยมหาราชการุณย์

อ้างอิง ณ วันที่ 22 กรกฎาคม 2567
 

บทความแนะนำ

ลูกเป็นไข้ตัวร้อนแต่มือเท้าเย็น คุณแม่รับมืออย่างไรดี

ลูกเป็นไข้ตัวร้อนแต่มือเท้าเย็น คุณแม่รับมืออย่างไรดี

ลูกเป็นไข้ตัวร้อนแต่มือเท้าเย็นผิดปกติไหม ลูกตัวร้อนแต่มือเท้าเย็นเกิดจากสาเหตุอะไร อันตรายไหม ลูกตัวร้อนมือเท้าเย็นพ่อแม่ควรดูแลลูกแบบไหนให้ดีที่สุด

เด็กเดินได้กี่เดือน ลูกเดินช้า มีผลต่อพัฒนาการสมองไหม

เด็กเดินได้กี่เดือน ลูกเดินช้า มีผลต่อพัฒนาการสมองไหม

เด็กเดินได้กี่เดือน สัญญาณอะไรบ้างที่บอกว่าลูกเริ่มเดินได้แล้ว ลูกเดินช้ามีผลต่อพัฒนาการสมองไหม พร้อมวิธีฝึกลูกเดิน ช่วยเสริมพัฒนาการลูกน้อย

เด็กเริ่มคลานกี่เดือน สัญญาณอะไรบ้างที่บอกว่าเด็กเริ่มคลานได้แล้ว

เด็กเริ่มคลานกี่เดือน สัญญาณอะไรบ้างที่บอกว่าเด็กเริ่มคลานได้แล้ว

เด็กเริ่มคลานกี่เดือน สัญญาณอะไรบ้างที่บอกว่าลูกเริ่มคลานได้แล้ว ลูกคลานช้ากี่เดือนถึงเรียกว่าพัฒนาการช้าเกินไป พร้อมวิธีฝึกลูกคลาน ช่วยเสริมพัฒนาการลูกน้อย

ผื่นส่าไข้ คืออะไร วิธีสังเกตส่าไข้ในเด็กที่คุณพ่อคุณแม่ต้องรู้

ผื่นส่าไข้ คืออะไร วิธีสังเกตส่าไข้ในเด็กที่คุณพ่อคุณแม่ต้องรู้

ผื่นส่าไข้ คืออะไร อันตรายกับลูกไหม ผื่นส่าไข้ในเด็ก มีวิธีสังเกตอาการอย่างไร คุณพ่อคุณแม่สามารถป้องกันผื่นส่าไข้ในเด็กได้หรือเปล่า พร้อมวิธีดูแลลูกน้อย

อาการไข้ในเด็ก ลูกมีอาการหนาวสั่นมีไข้ เช็ดตัวยังไงให้ไข้ลด

อาการไข้ในเด็ก ลูกมีอาการหนาวสั่นมีไข้ เช็ดตัวยังไงให้ไข้ลด

ลูกมีอาการหนาวสั่นมีไข้ ดูแลลูกน้อยอย่างไรให้ถูกวิธี อาการไข้ในเด็กอันตรายไหม อาการแบบไหนที่คุณแม่ควรสังเกตเมื่อลูกมีไข้หนาวสั่น พร้อมวิธีดูแลลูกน้อยเบื้องต้น

ลูกป่วยบ่อยมาก ทำไงดี พร้อมวิธีเสริมภูมิคุ้มกันให้ลูกแข็งแรง

ลูกป่วยบ่อยมาก ทำไงดี พร้อมวิธีเสริมภูมิคุ้มกันให้ลูกแข็งแรง

ลูกป่วยบ่อยมาก ทำไงดี ลูกไม่สบายบ่อย เกิดจากสาเหตุอะไร ลูกป่วยบ่อยอันตรายไหม อยากให้ลูกแข็งแรงต้องทำอย่างไร พร้อมวิธีดูแลลูกน้อยและเสริมภูมิคุ้มกัน

ลูกเป็นไข้ตอนกลางคืนกลางวันปกติ พร้อมวิธีดูแลเมื่อลูกมีไข้ตอนกลางคืน

ลูกเป็นไข้ตอนกลางคืนกลางวันปกติ พร้อมวิธีดูแลเมื่อลูกมีไข้ตอนกลางคืน

ลูกเป็นไข้ตอนกลางคืนกลางวันปกติเพราะอะไร ลูกมีไข้ตอนกลางคืนแบบไหนเสี่ยงอันตราย เด็กมีไข้ตอนกลางคืนให้กินยาอะไรได้บ้าง พ่อแม่ดูแลยังไงให้ถูกวิธี

เลือกระยะการตั้งครรภ์และพัฒนาการเด็ก