![7 วิธีกระตุ้นให้ลูกพูด ฝึกลูกพูดช้าให้พูดเร็วตามช่วงวัย 7 วิธีกระตุ้นให้ลูกพูด ฝึกลูกพูดช้าให้พูดเร็วตามช่วงวัย](/sites/default/files/styles/header_image_desktop/public/header_images/2021-09/%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81.jpg?itok=BW9mRFlX)
7 วิธีกระตุ้นให้ลูกพูด ฝึกลูกพูดช้าให้พูดเร็วตามช่วงวัย
เด็กจะพูดคำที่มีความหมายได้คำแรกเมื่ออายุประมาณ 1 ขวบ การฝึกลูกพูดในช่วงขวบปีแรกมีความสำคัญต่อพัฒนาการเด็กเป็นอย่างมาก เพราะการฝึกพูดเป็นวิธีที่จะช่วยให้ลูกน้อยมีพัฒนาการทางด้านการสื่อสารเหมาะสมตามช่วงวัย หากพ่อแม่พยายามสร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกน้อยผ่านการเล่นที่เหมาะสมกับวัย รวมถึงพยายามพูดคุยกับลูกอยู่เป็นประจำ จะช่วยกระตุ้นพัฒนาการของลูกน้อยในด้านต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี และยังสามารถเห็นถึงพัฒนาการของลูกรักได้อย่างชัดเจน
สรุป
- การพูดคุยกับลูกเป็นประจำ ช่วยกระตุ้นพัฒนาการ จะทำให้คุณพ่อคุณแม่สังเกตพัฒนาการและอาจเห็นถึงความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นของลูกน้อยได้
- ในเด็กเล็กจะมีพัฒนาการตามช่วงวัย เมื่ออายุ 3-6 เดือน จะเริ่มส่งเสียงได้ พอถึงอายุ 6-9 เดือน จะรับรู้ชื่อของตนเอง หลังจากนั้นจะเริ่มเปล่งเสียงเป็นคำที่มีความหมายได้ตั้งแต่อายุประมาณ 9 เดือนเป็นต้นไป
- อาการที่อาจบ่งบอกว่าลูกน้อยมีพัฒนาการช้า เช่น ลูกน้อยไม่การตอบสนองหรือมีปฏิกิริยาต่อเสียง ไม่จ้องหน้าพ่อแม่ พอถึงอายุประมาณ 10 เดือนแล้วยังไม่เริ่มออกเสียงบริเวณริมฝีปาก หรือ การใช้เสียงผิดปกติ เป็นต้น
เลือกอ่านตามหัวข้อ
- เมื่อไหร่ ลูกน้อยถึงจะเริ่มพูด
- แบบไหนเรียกว่าลูกมีความผิดปกติเกี่ยวกับการพูด
- พัฒนาการด้านการสื่อสารของเด็กอายุ 1 – 12 เดือน ในแต่ละช่วงวัย
- 7 วิธีกระตุ้นให้ลูกพูด ฝึกลูกพูดและคุยกับลูกน้อย
- ลูกมีพัฒนาการช้าหรือไม่ สังเกตจากอะไร
- กิจกรรมที่พ่อแม่ควรทำเพื่อพัฒนาการเด็ก ในช่วงขวบปีแรก
เมื่อไหร่ ลูกน้อยถึงจะเริ่มพูด
โดยทั่วไปแล้วเด็กจะเริ่มพูดเป็นคำให้ได้ยินชัด ๆ เมื่ออายุประมาณ 12-18 เดือน ซึ่งเด็กแต่ละคนจะมีพัฒนาการการพูดช้าหรือเร็วแตกต่างกันไป แต่ส่วนใหญ่แล้วเด็กอายุ 3-6 เดือนจะเริ่มออกเสียงได้ ส่วนเด็กอายุ 6-9 เดือน จะสามารถรับรู้ชื่อของตนเองได้
แบบไหนเรียกว่าลูกมีความผิดปกติเกี่ยวกับการพูด
พัฒนาการทางด้านการสื่อสารที่ช้าอาจเกิดจากหลายสาเหตุ ทั้งจากโรคทางพันธุกรรม ปัญหาการได้ยิน ภาวะออทิสติก รวมทั้งขาดการฝึกพูดและการกระตุ้นอย่างเหมาะสม ดังนั้น หากลูกน้อยมีพัฒนาการที่ช้ากว่าปกติ เช่น การไม่ตอบสนองต่อเสียงในช่วง 10 เดือนแรก หรือไม่สามารถเข้าใจในคำสั่งหรือไม่พูดคำแรกในช่วง 15 เดือน ซึ่งโดยทั่วไปเด็กที่ถือว่ามีปัญหาพูดช้า คือเด็กอายุ 2 ขวบแล้ว แต่ไม่สามารถพูดคำที่มีความหมายได้เลย อย่างไรก็ตามคุณแม่ไม่ต้องรอให้ถึง 2 ขวบ หากพบความผิดปกติด้านพัฒนาการที่ช้า ควรพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุ และในทางกลับกัน หากลูกน้อยพูดเก่งและพูดไม่หยุด แต่เป็นเรื่องที่ไม่สอดคล้องกันหรือคนละเรื่องในขณะนั้น ก็อาจเป็นสัญญาณของความผิดปกติที่ควรสังเกตเช่นกัน
พัฒนาการด้านการสื่อสารของเด็กอายุ 1 – 12 เดือน ในแต่ละช่วงวัย
พัฒนาการด้านการสื่อสารในวัยขวบปีแรก ไปจนถึง 3 ขวบมีความสำคัญ คุณแม่ควรตรวจสอบพัฒนาการอย่างใกล้ชิด ดังต่อไปนี้
1-2 เดือน | เริ่มมีการเล่นเสียงในลำคอ เช่น การร้องไห้ ไอ หรือหาว และจะแสดงอาการตกใจจนสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงดังกะทันหัน |
3-4 เดือน | เริ่มยิ้มเมื่อได้ยินเสียงคุณพ่อคุณแม่หรือคนคุ้นเคย เริ่มหัวเราะ ทำเสียงอ้อแอ้ เสียงสูงต่ำ จากการพยายามพูดกับพ่อแม่ และจะเงียบเสียงเมื่อต้องการฟังพ่อแม่พูด |
5-6 เดือน | เริ่มเล่นเป่าน้ำลาย เริ่มหันหาเสียงเสียงรบกวนที่ไม่ดังมากนัก เริ่มเล่นเสียงบริเวณริมฝีปาก สามารถเลียนแบบเสียงของผู้อื่นได้ มีการเล่นเสียงทีละพยางค์หรือสองพยางค์ เช่น “บา” “ดา” “มา”รวมถึงมีการตอบสนองเมื่อมีการเรียกชื่อของตัวเอง |
7-8 เดือน | เริ่มมีเสียงจากการปิดปาก สามารถเล่นเสียงหลายพยางค์ได้ เช่น “ดาดาดา” “บาบาบา” เป็นต้น สามารถจำชื่อตัวเองได้แล้ว รู้จักการเขินอายหรือกลัวคนแปลกหน้า สามารถฟังคำถามง่าย ๆ มีการตอบสนองออกมาด้วยภาษาท่าทางแทนการพูดได้ เช่น มองดู ชี้ หยิบ |
9-10 เดือน | เริ่มเปล่งเสียงเป็นคำที่มีความหมาย เช่น หม่ำ ๆ ป่าป๊า และเลียนเสียงแปลก ๆ เช่น เสียงสุนัขเห่า เสียงของจิ้งจก ทำตามคำสั่งง่าย ๆ เช่น บ๊ายบาย การส่งจูบ |
1 ขวบ | พูดเสียงดังขึ้น พูดเป็นคำเดี่ยวที่มีความหมายได้ 2-3 คำ เช่น พ่อ แม่ หม่ำ ร่วมกับการใช้ภาษากายกายช่วยมากขึ้น |
2 ขวบ | เริ่มพูดเป็น 2 คำต่อกันเป็นประโยคำได้ เช่น เอามา ไปเที่ยว และสามารถพูดคำที่มีความหมายได้ 50-400 คำ |
3 ขวบ | พูดเป็นประโยค บอกชื่อตัวเองได้ ชอบพูดคนเดียวขณะที่ทำสิ่งต่าง ๆ และชอบถามคำถามมากขึ้น |
7 วิธีกระตุ้นให้ลูกพูด ฝึกลูกพูดและคุยกับลูกน้อย
การเตรียมพร้อมก่อนที่จะฝึกลูกพูดควรเริ่มทำในช่วงที่ลูกน้อยอารมณ์ดี พร้อมสำหรับการเรียนรู้ไปพร้อมกับคุณพ่อคุณแม่ หากลูกอยู่ในช่วงอารมณ์ไม่ดี หงุดหงิด หรือร้องไห้โยเย แสดงว่าน้องยังไม่พร้อมที่จะเรียนรู้ ควรรอให้ลูกสงบลงก่อน สำหรับวิธีกระตุ้นให้ลูกน้อยพูด มีวิธีดังนี้
![วิธีกระตุ้นให้ลูกพูด ฝึกลูกพูดและคุยกับลูกน้อย](/sites/default/files/inline-images/%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%84%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81.jpg)
1. เล่นแบบมีปฏิสัมพันธ์
การเล่นกับลูกช่วยฝึกฝนพัฒนาการทางด้านการพูดและการสื่อสารได้เป็นอย่างดี โดยพ่อแม่ต้องมีส่วนร่วมในกิจกรรมในการฝึกลูกพูดของลูกด้วย เช่น เล่นจ๊ะเอ๋กับลูก เล่นซ่อนของ เล่านิทานให้ลูกฟังพร้อมใช้ท่าทางประกอบเพื่อให้ลูกสนใจและสนุกสนานมากขึ้น หรือจะร้องเพลงสำหรับเด็กให้ลูกฟัง โดยพ่อแม่ต้องพยายามร้องซ้ำ ๆ ร้องบ่อย ๆ เพราะเด็กจะใช้เวลาในการจดจำในสิ่งที่ได้ยิน การเล่นของเด็กเสริมพัฒนาการ คือ การเรียนรู้ การฝึกทักษะ การแก้ปัญหา และเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันที่จำเป็นต่อพัฒนาการของลูก
2. คุยกับลูกบ่อย ๆ
การที่พ่อแม่คุยกับลูกบ่อย ๆ นับเป็นการฝึกพูดให้ลูกอยู่ในตัว ที่สำคัญคือ ควรพูดให้กระชับ ใช้น้ำเสียงที่เน้นคำพร้อมกับทำกิจกรรมไปด้วย เช่น ถอดเสื้อ กินข้าว อาบน้ำ สำหรับเด็กเล็กอาจจะใช้วิธีตั้งคำถามกับลูก เช่น คนไหนแม่ หมาอยู่ไหน กล้วยอยู่ไหน หลังจากนั้นควรรอให้ลูกตอบคำถามเพื่อสังเกตว่าลูกเข้าใจในสิ่งที่พ่อแม่พูดหรือไม่ หากลูกไม่แน่ใจพ่อแม่สามารถช่วยลูกได้โดยการจับมือชี้ไปที่คำตอบของคำถามนั้น คุณพ่อคุณแม่ควรตั้งใจฟังเมื่อลูกพยายามพูด อย่าใช้วิธีการตัดบทเวลาลูกพยายามพูด เพราะจะเป็นการปิดโอกาสที่ลูกจะเปล่งเสียงพูดออกมา ซึ่งทำให้ลูกไม่ได้ฝึกการใช้ภาษาด้วยตัวเองอีกด้วย
3. สบตากับลูกน้อย
วิธีกระตุ้นให้ลูกพูดที่ดี จำเป็นต้องมองที่ใบหน้าของลูก เพราะลูกน้อยจะใช้วิธีการสบตา และอ่านรูปปากของพ่อแม่เช่นเดียวกัน หากพ่อแม่ต้องการสอนคำศัพท์อะไร ให้หยิบสิ่งนั้นมาไว้ใกล้ปากแล้วพูดคำนั้นออกมา เด็กจะทำความเข้าใจต่อสิ่งนั้นพร้อม ๆ สังเกตรูปปาก เพราะการที่จะเริ่มสอนคำศัพท์ใหม่ ๆ นั้น พ่อแม่ต้องให้ลูกเข้าใจต่อสิ่งที่ต้องการสอนก่อน
4. สอนพูดเป็นคำ ๆ
การเริ่มต้นสอนและฝึกพูด พ่อแม่ควรเลือกสอนคำเดี่ยว ๆ ที่ลูกน้อยสามารถมองเห็นรูปปากได้ชัดเจน รวมถึงต้องเลือกคำที่สามารถออกเสียงได้ง่าย เช่น คำที่ขึ้นต้นด้วยพยัญชนะ “ม” ได้แก่ แม่ หมา หรือ คำที่ขึ้นต้นด้วยพยัญชนะ “ป” ได้แก่ ปาก ปลา ปู เป็นต้น รวมถึงควรเลือกคำที่อยู่ใกล้ตัวในชีวิตประจำวัน จะสามารถช่วยให้เด็กสามารถเชื่อมโยงคำนั้นได้ เกิดความเข้าใจต่อคำนั้นได้ดี และสามารถจดจำคำนั้นได้ในที่สุด
![วิธีกระตุ้นให้ลูกพูด ฝึกลูกพูด เพื่อพัฒนาการที่ดีของลูกน้อย](/sites/default/files/inline-images/%E0%B8%9D%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%9E%E0%B8%B9%E0%B8%94%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%A2.jpg)
5. ออกเสียงให้ชัด
วิธีกระตุ้นให้ลูกพูด จังหวะในการพูด การสื่อสารโต้ตอบ และการออกเสียงให้ชัดเจน เป็นสิ่งสำคัญมาก คุณพ่อคุณแม่ต้องพูดให้ช้าลง และออกเสียงให้ขัดเจน เพื่อให้ลูกน้อยได้เรียนรู้การออกเสียง พูดตามได้ โดยเริ่มจากเสียงพยัญชนะ ได้แก่เสียง “ม” “พ” “บ” “ป” ต่อมาจึงเพิ่มคำง่าย ๆในชีวิตประจำวัน เช่น นม น้ำ ข้าว หรือคำกริยา เช่น กิน นอน อาบน้ำ รวมไปถึงการชื่อคำเรียกคนในครอบครัว
พร้อมกันนี้ต้องสอนในด้านการจับจังหวะในการสื่อสารไปด้วย เช่น ถ้าลูกพ่อแม่เป็นคนเริ่มพูดคุยกับลูก ต้องรอให้ลูกตอบก่อนแล้วค่อยพูดกับลูกต่อ การพูดสลับกันแบบนี้จะทำให้ลูกน้อยเรียนรู้ว่าเมื่อใดเป็นการสิ้นสุดคำถามได้ เพื่อเป็นการบอกว่าตอนนี้ถามเสร็จแล้วลูกต้องตอบออกมา เช่น แม่ถามว่า “นี่อะไร” แต่ถ้าถามแล้วลูกไม่แสดงอาการ อาจจะกระตุ้นลูกโดยการจ้องหน้าแล้วถามอีกครั้ง แล้วพยายามเน้นคำ ออกเสียงให้ชัดเจน พร้อมกับพูดช้า ๆ ลูกจะได้พูดตามได้
หากลูกมีการเล่นระดับเสียงพ่อแม่ก็ควรออกเสียงสูงต่ำตามลูกด้วย ถ้าลูกสามารถพูดเป็นคำได้แล้ว พ่อแม่สามารถเริ่มสอนคำที่ยาวขึ้น หรือฝึกลูกพูดประโยคสั้น ๆ ได้
6. เน้นฝึกลูกพูด ให้ลูกพยายามสื่อสาร
กระบวนการเรียนรู้ของลูก พ่อแม่ต้องมีส่วนร่วมในแบบค่อยเป็นค่อยไป และเปิดจังหวะให้ลูกพยายามสื่อสารด้วยตัวเองจากภาษาท่าทางต่าง ๆ อย่าบังคับให้ลูกพูด เช่น ให้ลูกชี้ตอบ เดินไปหยิบสิ่งของ เป็นต้น หากลูกมีการโต้ตอบแบบไม่เป็นภาษา หรือเป็นภาษาที่พูดแม่ไม่เข้าใจ พ่อแม่ควรพยายามเดาว่าลูกต้องการพูดอะไร แล้วพูดตอบในเรื่องนั้นออกมา
7. ชื่นชมลูก
การที่คุณพ่อคุณแม่ชื่นชมลูกน้อยในช่วงเวลาของการฝึกพูด จะทำให้ลูกอยากพัฒนาการพูดมากขึ้น ดังนั้นจึงควรชมเชยหรือให้รางวัล เช่น การปรบมือ หรือยิ้มแย้มให้กับลูก เมื่อลูกทำตามได้สำเร็จ แม้จะเป็นความสำเร็จเพียงเล็กน้อยก็ตาม เพราะคำชม เป็นกำลังใจที่เป็นแรงผลักดันให้ลูกอยากทำอะไรก็ตามให้สำเร็จ ทั้งยังเป็นการเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกน้อยเอง แม้ว่าสิ่งที่ต้องทำนั้นเป็นสิ่งที่ยากและไม่เคยทำมาก่อน การชื่นชมทำให้เด็กสามารถก้าวผ่านความกลัว ความยากลำบากไปได้ ดังนั้น คำชมเล็ก ๆ อาจเป็นวิธีกระตุ้นให้ลูกพูด และเป็นความสำเร็จในทุก ๆ ด้านของลูกในอนาคตได้
ลูกมีพัฒนาการช้าหรือไม่ สังเกตจากอะไร
โดยปกติแล้วเด็กทุกรายต้องได้รับการตรวจพัฒนาการตั้งแต่ช่วงวัยแรกเกิด ในเด็กทารกควรได้รับการตรวจคัดกรองการได้ยินตั้งแต่ช่วงแรก เพราะถ้าพบความผิดปกติในการได้ยินตั้งแต่ต้น จะสามารถรักษาได้ทันท่วงที เพื่อให้ลูกน้อยมีพัฒนาการพูดและการได้ยินกลับมาเป็นปกติได้ในอนาคต สำหรับอาการที่บ่งบอกว่าลูกน้อยมีพัฒนาการช้า อาจสังเกตได้ตามวัย ดังนี้
- ช่วงวัยแรกเกิด ไม่มีการตอบสนองหรือปฏิกิริยาต่อเสียง เช่น ไม่ส่งเสียงร้องเมื่อมีเสียงดัง ลูกไม่ยอมจ้องหน้าพ่อแม่ขณะพูดคุยด้วย
- อายุ 10 เดือน ไม่มีการเริ่มออกเสียงบริเวณริมฝีปาก เช่น “บา” “กา”
- อายุ 15-18 เดือน พูดได้ทีละคำ ไม่มีการพูดคำ 2 คำที่ติดกัน
- อาการพูดไม่ชัด พูดติดอ่าง ใช้เสียงผิดปกติ
- พัฒนาการทางด้านภาษาไม่เป็นไปตามลำดับขั้นตามช่วงวัย เช่น ไม่สบตา ไม่บอกความต้องการของตน ไม่ทำตามคำสั่ง ไม่เรียกพ่อแม่ เป็นต้น
ในเบื้องต้นนั้น คุณพ่อคุณแม่ควรพาลูกน้อยไปตรวจคัดกรองพัฒนาการเด็กกับแพทย์ตามช่วงอายุ 9 เดือน 18 เดือน 24 เดือน หรือ 30 เดือน เพื่อให้แพทย์ทำการประเมินพัฒนาการของลูก ถ้าตรวจแล้วพบว่าเด็กมีปัญหาเรื่องพัฒนาการ คุณหมอจะได้ทำการรักษาได้ทันท่วงทีพร้อมทั้งให้คำแนะนำในการดูแลลูกน้อยในอนาคตด้วย
กิจกรรมที่พ่อแม่ควรทำเพื่อพัฒนาการเด็ก ในช่วงขวบปีแรก
วัยขวบปีแรกนับเป็นช่วงเวลาทองของพัฒนาการของลูกน้อยในทุกด้าน โดยเฉพาะในด้านการสื่อสาร เมื่อคุณพ่อคุณแม่มีความเข้าใจและเสริมสร้างพัฒนาการได้อย่างถูกต้อง จะช่วยให้ลูกน้อยเรียนรู้ได้เป็นอย่างดีและมีการเติบโตที่สมวัย ผ่านกิจกรรมดังต่อไปนี้
- เด็กอายุ 1 เดือน จัดท่าให้ลูกนอนหงาย แล้วใช้เรียกชื่อหรือพูดคุยกับลูกจากทางด้านซ้ายสลับกับทางด้านขวา หากลูกน้อยมีการสะดุ้งตกใจให้ลดเสียงลง พร้อมกับสัมผัสที่ตัวลูก
- เด็กอายุ 2 เดือน คุณพ่อคุณแม่ยื่นหน้าเข้าหาลูกเว้นระยะห่างประมาณ 60 ซม. สบตาแล้วเริ่มพูดคุยด้วยเสียง “อู” อือ ในลำคอ แล้วหยุดให้ลูกน้อยทำเสียงตาม เมื่อลูกทำเสียงตามให้เปลี่ยนไปฝึกเสียง “อือ”
- เด็กอายุ 3 - 4 เดือน ให้คุณพ่อคุณแม่ดคุยและเล่นกับลูกผ่านการสัมผัสจุดต่าง ๆ ของร่างกาย โดยใช้นิ้วกดที่บริเวณฝ่าเท้า เอว หน้าท้อง หรือลองใช้จมูกสัมผัสบริเวณหน้าผาก แก้ม ปากและหน้าท้องของหนูน้อย ให้มีน้ำหนักหนักเบาที่แตกต่างกัน
- เด็กอายุ 5 - 6 เดือน สบตา พูดคุยกับลูก และทำเสียง “จุ๊บจุ๊บ” หรือ “วา..วา..” ให้ลูกน้อยดูหลาย ๆ ครั้ง เพื่อให้เด็กจดจำและเกิดการเลียนแบบทำตาม หากลูกน้อยไม่สามารถออกเสียงได้ เพื่ออาจจับมือลูกแล้วให้ลูกทำตาม
เด็กอายุ 7 - 9 เดือน ลองสื่อสารกับเด็กโดยให้ลูกน้อยพยายามเลียนเสียงและออกเสียงคำตามพ่อแม่ เช่น “มามา” “ปาปา” หรือ “หม่ำหม่ำ” เป็นต้น
โดยเฉพาะหนูน้อยวัย 8 เดือน ซึ่งเป็นช่วงวัยที่สมองกำลังทำงานหนัก คุณพ่อคุณแม่ควรพูดกับกับลูกบ่อย ๆ โดยเน้นการพูดช้า ๆ ชัด ๆ เริ่มจากคำง่าย ๆ ใกล้ตัว พยายามให้ลูกได้มีการโต้ตอบออกมาให้มากที่สุดไม่ว่าจะเป็นการเปล่งเสียงหรือใช้ภาษาท่าทาง หรืออาจใช้เพลงเด็กเพื่อช่วยให้เกิดการจดจำ
- เด็กอายุ 10 - 12 เดือน พยายามเล่นกับลูกโดยให้ลูกเลียนแบบท่าทางของพ่อแม่ เช่น โบกมือ ปรบมือ ถ้าลูกน้อยทำไม่ได้ให้ค่อย ๆ จับมือให้ลูกทำตาม พอลูกพอทำได้แล้วก็ค่อยไม่ต้องให้การช่วยเหลือ และลองนำของเล่นเสริมพัฒนาการเด็กที่ดึงดูดความสนใจแล้วลองยื่นให้ลูกดูแล้วถามว่า “หนูเอาไหม” ถ้าลูกน้อยต้องการแล้วค่อยยื่นให้
สุดท้ายนี้ วิธีกระตุ้นให้ลูกพูดที่ดีของเด็กเล็ก คุณพ่อคุณแม่ควรเป็นแบบอย่างการพูดที่ดี พร้อมไปกับการเน้นให้ลูกฟังอย่างเข้าใจ และตอบสนองด้วยท่าทางเสียก่อน ไม่จำเป็นต้องคาดคั้นให้ลูกพูดออกมา เพราะการฝึกลูกพูดและการสื่อภาษานั้นสามารถทำได้หลายรูปแบบ นอกจากการพูดออกเสียง เช่น ภาษาท่าทาง และภาษากาย คุณพ่อคุณแม่ควรพูดกับกับลูกบ่อย ๆ โดยเน้นการพูดช้า ๆ ชัด ๆ เริ่มจากคำง่าย ๆ ใกล้ตัว พยายามให้ลูกได้มีการโต้ตอบออกมาให้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการเปล่งเสียงหรือใช้ภาษาท่าทาง หรืออาจใช้เพลงเด็กเพื่อช่วยให้เกิดการจดจำ เป็นการกระตุ้นพัฒนาการเด็กเล็กที่ดีและเป็นวิธีกระตุ้นให้ลูกพูดได้อีกด้วย
บทความแนะนำสำหรับพัฒนาการลูกน้อย
- พัฒนาการเด็ก 1 เดือน พร้อมวิธีเสริมพัฒนาการลูก
- พัฒนาการเด็ก 2 เดือน พร้อมวิธีเสริมพัฒนาการลูก
- พัฒนาการเด็ก 3 เดือน พร้อมวิธีเสริมพัฒนาการลูก
- พัฒนาการเด็ก 4 เดือน พร้อมวิธีเสริมพัฒนาการลูก
- พัฒนาการเด็ก 5 เดือน พร้อมวิธีเสริมพัฒนาการลูก
- พัฒนาการเด็ก 6 เดือน พร้อมวิธีเสริมพัฒนาการลูก
- พัฒนาการเด็ก 7 เดือน พร้อมวิธีเสริมพัฒนาการลูก
- พัฒนาการเด็ก 8 เดือน พร้อมวิธีเสริมพัฒนาการลูก
- พัฒนาการเด็ก 9 เดือน พร้อมวิธีเสริมพัฒนาการลูก
- พัฒนาการเด็ก 10 เดือน พร้อมวิธีเสริมพัฒนาการลูก
- พัฒนาการเด็ก 11 เดือน พร้อมวิธีเสริมพัฒนาการลูก
- พัฒนาการเด็ก 1 ขวบ พร้อมวิธีเสริมพัฒนาการลูก
อ้างอิง:
- คู่มือฝึกการพูดเบื้องต้น, สถาบันราชานุกูล กรมสุขภาพจิต
- เช็กให้ชัวร์ ลูกพูดช้าไปหรือเปล่า, โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์
- ทำไงดี? ลูกพูดช้า...ไม่ยอมพูด, โรงพยาบาลพญาไท
- 7 เคล็ดลับฝึกพูด เสริมพัฒนาการเจ้าตัวน้อย, pobpad
- 12 วิธี สำหรับพ่อแม่สอนลูก“ฝึกพูด”, Ace-Con (Thailand)
- ความผิดปกติทางการพูด เรื่องสำคัญที่ควรใส่ใจ, โรงพยาบาลรามาธิบดี
- เด็กพูดไม่ชัด สาเหตุและวิธีการแก้ปัญหา, Hello Health Group
- การส่งเสริมพัฒนาการทางภาษาในเด็ก, โรงพยาบาลสินแพทย์
- 5 เทคนิค ส่งเสริมพัฒนาการด้านภาษาลูกน้อยวัยหัดพูด, โรงพยาบาลพญาไท
อ้างอิง ณ วันที่ 5 พฤศจิกายน 2566
บทความที่เกี่ยวข้อง