ข้อห้ามหลังผ่าคลอด พร้อมวิธีลุกจากเตียงหลังผ่าตัดคลอด

ข้อห้ามหลังผ่าคลอด พร้อมวิธีลุกจากเตียงหลังผ่าตัดคลอด

02.02.2024

คุณแม่มือใหม่หลังผ่าตัดคลอดต้องเตรียมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงของร่างกายหลังคลอด ดังนั้นเพื่อให้คุณแม่สามารถรับมือจัดการได้กับทุกเรื่อง เพื่อที่จะได้เลี้ยงดูลูกน้อยได้อย่างราบรื่น เราได้รวบรวมข้อห้ามหลังผ่าคลอด อาการหลังผ่าคลอด โภชนาการสำหรับคุณแม่ และวิธีลุกจากเตียงหลังผ่าคลอดที่คุณแม่มือใหม่ควรรู้

headphones

PLAYING: ข้อห้ามหลังผ่าคลอด พร้อมวิธีลุกจากเตียงหลังผ่าตัดคลอด

อ่าน 7 นาที

 

สรุป

  • ลูกน้อยจะได้รับสารอาหาร และรสชาติของอาหารจากที่คุณแม่รับประทานเข้าไป ผ่านมาทางน้ำนมแม่ ดังนั้นคุณแม่ไม่ควรรับประทานอาหารรสจัด อาหารและเครื่องดื่มที่ไม่มีประโยชน์ ได้แก่ ของหมักดอง น้ำอัดลม ชา กาแฟ และแอลกอฮอล์
  • หลังผ่าคลอดคุณแม่จะฟื้นตัวดีขึ้นใน 12 ชั่วโมง และต้องอยู่พักฟื้นเพื่อติดตามอาการหลังคลอดที่โรงพยาบาลอีกประมาณ 4 วัน
  • หลังผ่าคลอดคุณแม่ไม่ควรมีเพศสัมพันธ์ก่อน 6 สัปดาห์ เนื่องจากแผลผ่าตัดยังไม่หายดี และยังมีน้ำคาวปลา ช่วงเวลาที่เหมาะสมหากต้องการมีเพศสัมพันธ์ช่วง 6 สัปดาห์ขึ้นไป
  • อาการของแผลผ่าคลอดที่มีความปกติ ได้แก่ แผลบวม แดง ร้อนบริเวณแผล มีเลือดซึมออกมา และมีไข้ร่วมด้วย

 

เลือกอ่านตามหัวข้อ

 

หลังผ่าตัดคลอด คุณแม่จึงควรขยับตัวให้เร็วที่สุด

คุณแม่หลังผ่าตัดคลอดเมื่อฟื้นตัวได้ดีขึ้น คุณหมอจะแนะนำให้คุณแม่พยายามพลิกตัว และลุกเดินบ่อย ๆ ก็เพื่อช่วยกระตุ้นให้ลำไส้กลับมาทำงานปกติ และป้องกันไม่เกิดพังพืดตรงบริเวณแผลผ่าตัด การเคลื่อนไหวเบา ๆ ยังช่วยเสริมการฟื้นตัวของกล้ามเนื้อและร่างกายโดยรวมได้ด้วย

 

หลังผ่าคลอด ควรอยู่โรงพยาบาลกี่วัน

คุณแม่หลังผ่าคลอดจะเริ่มฟื้นตัวได้ดีขึ้นภายใน 12 ชั่วโมง ในคุณแม่ผ่าคลอดจะต้องอยู่พักฟื้นที่โรงพยาบาลนานประมาณ 4 วัน ช่วงระหว่างที่คุณแม่พักฟื้นที่โรงพยาบาล เจ้าหน้าที่พยาบาลจะมาตรวจชีพจร วัดความดันของคุณแม่ทุก 4 ชั่วโมง

 

หลังผ่าคลอด คุณแม่จะมีอาการอย่างไร

การคลอดลูกด้วยการผ่าตัดคลอด คุณแม่จะมีอาการต่าง ๆ หลังผ่าคลอดที่เกิดขึ้นได้หลังฟื้นตัวจากการผ่าตัดคลอด

1. คลื่นไส้อาเจียน

ผลข้างเคียงจากยาบล็อกหลังผ่าคลอด  เมื่อฟื้นตัวขึ้นมาหลังคลอด คุณแม่จะมีอาการคลื่นไส้และอาเจียนได้

 

2. ขยับขาไม่ได้

ยาบล็อกหลังที่ฉีดเข้าที่ช่องไขสันหลัง จะทำให้คุณแม่ชาไม่มีความรู้สึกไปถึงช่วงขาทั้งสองข้าง เมื่อฟื้นตัวขึ้นมาหลังคลอด ผลค้างเขียงจากฤทธิ์ยาบล็อกหลัง คุณแม่จะไม่สามารถขยับขาและลุกขึ้นนั่ง หรือเดินได้ในทันที แต่หลังจาก 2-4 ชั่วโมงหลังคลอดไปแล้ว คุณแม่จะรู้ขยับขาได้เป็นปกติ

 

3. ปวดแผลผ่าตัดคลอด

ในช่วงแรกหลังผ่าตัดคลอด คุณแม่จะมีอาการเจ็บแผลผ่าตัด มาก เนื่องจากเต้านมถูกกระตุ้นจากการดูดนมของลูกน้อย ทำให้มดลูกหดรัดตัว

 

4. เจ็บหัวนมสองข้าง

หลังผ่าตัดคลอด คุณแม่จะรู้สึกได้ถึงความไวของหัวนมจนรู้สึกเจ็บ และเมื่อให้ลูกน้อยเข้าเต้าดูดนม อาการเจ็บหัวนมจะหายไปภายใน 1 นาที และหลังคลอดประมาณหนึ่งสัปดาห์ อาการเจ็บหัวนมก็จะหายเป็นปกติ

 

อาการแผลผ่าคลอดผิดปกติ หลังผ่าตัดคลอด

อาการหลังผ่าตัดคลอด คุณแม่อาจพบความผิดปกติที่แผลผ่าคลอดได้ ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อหรือภาวะแทรกซ้อนที่ต้องได้รับการดูแลจากแพทย์โดยเร็ว หากพบอาการดังต่อไปนี้ ควรรีบไปโรงพยาบาลทันที เพื่อป้องกันการติดเชื้อหรือภาวะอักเสบที่อาจรุนแรงขึ้นหลังผ่าตัดคลอด

1. แผลบวม แดง

อาการบวมและแดงบริเวณแผลอาจเป็นสัญญาณของการอักเสบหรือติดเชื้อ ซึ่งต้องตรวจเช็กและรับการรักษาจากแพทย์ทันที

 

2. รู้สึกร้อนบริเวณแผล

หากรู้สึกร้อนที่แผลผ่าตัด อาจเป็นอาการบ่งบอกถึงการติดเชื้อที่เริ่มลุกลามในเนื้อเยื่อรอบ ๆ แผล

 

3. มีเลือดซึมออกมา

การมีเลือดหรือหนองซึมออกมาจากแผลเป็นสัญญาณของการติดเชื้อหรือการเปิดแผล หากพบลักษณะนี้ต้องรีบพบแพทย์ทันที

 

4. มีไข้ร่วมด้วย

การมีไข้สูงหลังผ่าตัดอาจเกิดจากการติดเชื้อในร่างกาย เป็นภาวะที่ต้องเฝ้าระวัง เนื่องจากสามารถลุกลามและส่งผลต่อสุขภาพโดยรวม

 

วิธีลุกจากเตียงหลังผ่าคลอด สำหรับแม่ผ่าตัดคลอด

วิธีลุกจากเตียงหลังผ่าคลอด คุณแม่ต้องระมัดระวังในการลุกขึ้นจากเตียง เพื่อลดความเสี่ยงในการกระทบกระเทือนแผลผ่าตัด การลุกขึ้นในท่าที่ถูกต้อง สามารถช่วยลดอาการเจ็บปวดและช่วยให้การฟื้นตัวเร็วขึ้น

  1. นอนตะแคง ก่อนลุกจากเตียง ให้คุณแม่พลิกตัวนอนตะแคงไปด้านที่ถนัด โดยขยับช้า ๆ เพื่อไม่ให้แผลตึงหรือเจ็บ
  2. ใช้ข้อศอกยันพื้นเตียง ขยับแขนด้านล่าง ใช้ข้อศอกยันกับพื้นเตียงเพื่อช่วยพยุงตัวเองขึ้น
  3. ใช้แขนอีกข้างเกาะเหล็กกั้นเตียง ใช้มืออีกข้างจับเหล็กกั้นเตียงเพื่อช่วยดึงตัวขึ้น ซึ่งจะช่วยลดแรงที่อาจไปกระทบแผล
  4. พยุงตัวขึ้นในท่าตะแคง ค่อย ๆ พยุงตัวให้อยู่ในท่านั่ง โดยเริ่มจากท่านอนตะแคงแล้วขยับลำตัวช้า ๆ จนลุกออกจากเตียงได้

 

ข้อห้ามหลังผ่าคลอด คุณแม่ไม่ควรทำอะไรบ้าง

หลังผ่าตัดคลอด คุณแม่ยังไม่สามารถกลับไปทำในหลายเรื่องที่เคยทำได้ก่อนที่จะมีการตั้งครรภ์ นั่นก็เพราะเพื่อความปลอดภัยต่อสุขภาพร่างกายของคุณแม่และลูกน้อย

1. ห้ามรับประทานอาหารรสจัด

24 ชั่วโมงแรก คุณแม่จะยังไม่สามารถดื่มน้ำและรับประทานอาหาร จนกว่าลำไส้จะกลับมาทำงานได้เป็นปกติ เมื่อผ่าน 24 ชั่วโมงไปแล้ว คุณแม่ก็จะเริ่มได้จิบน้ำ และรับประทานอาหารได้เล็กน้อยเป็นซุป หรือน้ำแกงจืด และค่อย ๆ ปรับเป็นข้าวต้มนิ่ม ๆ โจ๊ก อาหารที่รับประทานได้ช่วงแรกหลังคลอดจะเป็นอาหารที่ย่อยง่าย และมีรสชาติจืด

 

เมื่อคุณแม่กลับมาพักฟื้นร่างกายที่บ้าน การรับประทานอาหารสำหรับคุณแม่ผ่าคลอด จะต้องหลากหลายมีประโยชน์ครบ 5 หมู่ เพื่อที่ร่างกายจะได้ผลิตน้ำนมออกมาได้ปริมาณที่เพียงพอสำหรับลูกน้อย อาหารที่ดีกับร่างกาย ระบบขับถ่ายของคุณแม่หลังคลอดได้แก่ ผัก ผลไม้ที่มีไฟเบอร์ และอาหารที่ช่วยกระตุ้นสร้างน้ำนม เช่น ขิง ฟักทอง หัวปลี ฯลฯ

 

2. ห้ามนอนเฉย ๆ ตลอดเวลา

หลังผ่าคลอดตั้งแต่วันแรก คุณหมอจะแนะนำให้คุณแม่ลุกยืน เดินช้า ๆ ก้าวสั้น ๆรอบเตียง เพื่อกระตุ้นให้ลำไส้กลับมาขยับและทำงานเป็นปกติ การลุกเดินหลังผ่าคลอดยังช่วยป้องกันการเกิดอาการท้องอืดอีกด้วย

 

3. ห้ามละเลยดูแลแผลผ่าคลอด

ก่อนคุณแม่กลับมาพักฟื้นร่างกายหลังคลอดที่บ้าน สำหรับแผลผ่าตัดคุณหมอจะปิดแผลด้วยแผ่นติดชนิดกันน้ำให้ คุณแม่สามารถอาบน้ำได้ตามปกติ เพียงแต่ต้องระวังอย่าให้น้ำซึมเข้าไปในแผ่นแปะปิดแผล และพอครบ 7 วันหลังคลอด คุณหมอก็จะนัดคุณแม่เพื่อมาตรวจดูแผลผ่าตัดและตัดไหมออกให้

 

4. ห้ามมีเพศสัมพันธ์

หลังผ่าคลอดก่อน 6 สัปดาห์ คุณหมอไม่แนะนำให้คุณแม่มีเพศสัมพันธ์ เนื่องจากแผลผ่าตัดยังไม่หาย และยังมีน้ำคาวปลาอยู่ ช่วงเวลาที่เหมาะสมหากมีเพศสัมพันธ์คือช่วง 6 สัปดาห์หลังคลอด

 

5. ห้ามหยุดให้นมลูก

ผลข้างเคียงของการผ่าคลอด อาจทำให้ร่างกายคุณแม่ผลิตน้ำนมออกมาได้ช้า การแก้ไขก็คือให้ลูกเข้าเต้ากินนมแม่หลังคลอดให้เร็วที่สุด การเข้าเต้าจะไปช่วยกระตุ้นร่างกายให้ผลิตน้ำนมได้ดีขึ้น คุณแม่ให้ลูกเข้าเต้าดูดนมบ่อย ๆ ในช่วงกลางวันทุก 2-3 ชั่วโมง และช่วงกลางคืนทุก 3-4 ชั่วโมง

 

6. ห้ามรับประทานอาหารสุก ๆ ดิบ ๆ

คุณแม่หลังคลอดไม่ควรรับประทานอาหารที่ปรุงไม่สุก หรือไม่ผ่านการปรุง เช่น ไข่ดิบ ซูชิ ปลาร้า แหนม ฯลฯ เพราะอาจไม่สะอาดและมีแบคทีเรียที่ก่อให้อาการท้องเสีย อาหารเป็นพิษ

 

7. ห้ามดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์

การดื่มแอลกอฮอล์ของคุณแม่หลังคลอด เป็นอันตรายต่อพัฒนาการสมองการเรียนรู้ของลูกน้อย เพราะแอลกอฮอล์ส่งผ่านมาทางน้ำนมได้ และยังส่งผลเสียต่อสุขภาพของคุณแม่ด้วย

  

อาหารที่คุณแม่หลังผ่าคลอดควรรับประทาน

การเลือกอาหารที่เหมาะสมและมีคุณค่าทางโภชนาการสูงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับคุณแม่หลังผ่าคลอด เพราะช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวเร็วขึ้นและเสริมสร้างพลังงานในการดูแลลูกน้อย รวมถึงการผลิตน้ำนมที่เพียงพอ 

อาหารที่มีประโยชน์ครบ 5 หมู่ เน้นโปรตีนสูง

อาหารครบ 5 หมู่ที่เน้นโปรตีนจะช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อและฟื้นฟูร่างกายหลังการผ่าคลอด เช่น เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ไข่ เต้าหู้ และถั่ว โปรตีนยังช่วยเสริมสร้างน้ำนมและพลังงานให้กับคุณแม่เพื่อดูแลลูกน้อย

 

อาหารที่ช่วยกระตุ้นเพิ่มน้ำนม

อาหารบางชนิดสามารถช่วยกระตุ้นการผลิตน้ำนม เช่น กะเพรา ขิง กระเทียม ฟักทอง ขมิ้น และใบแมงลัก ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยเพิ่มปริมาณน้ำนมและกระตุ้นให้ไหลสะดวกขึ้น


อาหารที่ปรุงสุก สดใหม่

ควรเลือกอาหารที่ปรุงสุก สะอาด และสดใหม่ทุกวัน เพื่อหลีกเลี่ยงการติดเชื้อที่อาจส่งผลต่อแผลผ่าคลอด รวมถึงลดความเสี่ยงในการเกิดอาการท้องอืดหรือไม่สบายท้อง
 

น้ำนมแม่มีประโยชน์ดีต่อพัฒนาการสมองการเรียนรู้ และระบบภูมิคุ้มของลูกน้อย คุณแม่ควรให้ลูกได้กินนมแม่ให้เร็วที่สุดหลังคลอด นมแม่มีสารอาหารกว่า 200 ชนิด รวมทั้งสารอาหารสำคัญอย่าง สฟิงโกไมอีลิน ดีเอชเอ ที่เป็นสารอาหารเพื่อพัฒนาให้สมองมีการเรียนรู้ได้เร็ว และมีจุลินทรีย์สุขภาพหลายสายพันธุ์ เช่น B. lactis ช่วยกระตุ้นสร้างภูมิคุ้มกันในลำไส้ให้แข็งแรง

 

บทความแนะนำสำหรับคุณแม่มือใหม่

 

 

อ้างอิง:

  1. คำแนะนำการปฏิบัติตนก่อนและหลังผ่าตัดคลอดบุตร, โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ
  2. การดูแลหลังคลอด แบบผ่าตัดทางหน้าท้อง, โรงพยาบาลสมิติเวช
  3. คุณแม่มือใหม่ ต้องเตรียมตัวอย่างไรหลังคลอด ?, โรงพยาบาลวิมุต
  4. 6 คำแนะนำหลังคลอดบุตร, โรงพยาบาลเปาโล
  5. คำถามยอดฮิตที่คุณแม่ผ่าคลอดอยากรู้, โรงพยาบาลศิครินทร์
  6. ให้นมลูกอยู่คุณแม่ห้ามกินอะไรบ้าง, โรงพยาบาลวิชัยเวช อินเตอร์เนชั่นแนล อ้อมน้อย
  7. ผ่าคลอดกี่ครั้งถึงไม่อันตราย?...รวมเรื่องน่ารู้ก่อนเตรียมตัวผ่าคลอด, โรงพยาบาลพญาไท
  8. การดูแลตัวเองหลังผ่าตัดคลอด, โรงพยาบาลพษณุเวช พิจิตร
  9. ผ่าคลอด! บล็อกหลังหรือดมยาสลบดี?, โรงพยาบาลศิครินทร์
  10. โรคหลังคลอด ที่คุณแม่ต้องเตรียมรับมือ, โรงพยาบาลกรุงเทพ
  11. คำแนะนำสำหรับผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดทางนรีเวช, โรงพยาบาลเปาโล
  12. 8 เคล็ดลับดูแลแผลผ่าคลอดให้แผลสวย หายไว ฟื้นตัวเร็ว, โรงพยาบาลวิมุต

อ้างอิง ณ วันที่ 25 ธันวาคม 2566

บทความแนะนำ

คนท้องกินอินทผาลัมได้ไหม อันตรายกับลูกในท้องหรือเปล่า

คนท้องกินอินทผาลัมได้ไหม อันตรายกับลูกในท้องหรือเปล่า

คนท้องกินอินทผาลัมได้ไหม อันตรายกับลูกในท้องหรือเปล่า คุณแม่ท้องอยากกินอินทผาลัม สามารถกินได้บ่อยแค่ไหน ควรกินเท่าไรถึงพอดีและได้ประโยชน์ ปลอดภัยทั้งแม่และลูก

คนท้องนวดได้ไหม นวดตัว นวดเท้าบ่อย อันตรายกับลูกในท้องหรือเปล่า

คนท้องนวดได้ไหม นวดตัว นวดเท้าบ่อย อันตรายกับลูกในท้องหรือเปล่า

คนท้องนวดได้ไหม คุณแม่ปวดเมื่อยตัวบ่อย อยากหายปวดตัว ทำอย่างไรได้บ้าง นวดตัว นวดเท้าบ่อย อันตรายกับลูกในท้องหรือเปล่า คุณแม่ควรปรึกษาแพทย์ก่อนไปนวดไหม

คนท้องกินหอยแครงได้ไหม อันตรายกับลูกในท้องหรือเปล่า

คนท้องกินหอยแครงได้ไหม อันตรายกับลูกในท้องหรือเปล่า

คนท้องกินหอยแครงได้ไหม คุณแม่ท้องชอบกินหอยแครง กินเท่าไหร่ถึงพอดี กินเยอะเกินไป จะเป็นอันตรายกับลูกในท้องหรือเปล่า กินหอยแครงแบบไหนให้ปลอดภัยกับลูกในครรภ์

คนท้องกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปได้ไหม ส่งผลอะไรกับลูกในครรภ์บ้าง

คนท้องกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปได้ไหม ส่งผลอะไรกับลูกในครรภ์บ้าง

คนท้องกินบะหมี่กึ่งสำเร็จได้ไหม คนท้องอยากกินมาม่า ต้องกินวันละเท่าไหร่ถึงพอดี หากคุณแม่ท้องกินมาม่ามากไป จะส่งผลอะไรกับลูกในครรภ์บ้าง แค่ไหนถึงปลอดภัยและไม่อันตราย

เลือกระยะการตั้งครรภ์และพัฒนาการเด็ก