ตกเลือดหลังคลอด คืออะไร อาการตกเลือดหลังคลอดอันตรายมากไหม

อาการตกเลือดหลังคลอดเป็นยังไง ตกเลือดหลังคลอดอันตรายไหม

29.08.2024

ภาวะตกเลือดหลังคลอดนั้น เป็นภาวะที่อาจเกิดขึ้นได้กับคุณแม่หลังคลอดทุกคน การเฝ้าระวังความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับร่างกายของตนเองหลังคลอด ทั้งตอนที่พักฟื้นที่โรงพยาบาล และกลับไปพักฟื้นที่บ้าน เป็นเรื่องที่สำคัญที่ไม่ควรละเลย คุณแม่ควรศึกษาข้อมูล และเตรียมพร้อมรับมือ หากมีภาวะตกเลือดหลังคลอดเกิดขึ้น ให้รีบแจ้งสูติแพทย์เพื่อรับการรักษาโดยเร็ว เพื่อลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ที่อาจส่งผลรุนแรงกับชีวิตได้

headphones

PLAYING: อาการตกเลือดหลังคลอดเป็นยังไง ตกเลือดหลังคลอดอันตรายไหม

อ่าน 6 นาที

 

สรุป

  • ภาวะตกเลือดหลังคลอดนั้น คือ ภาวะที่เสียเลือดมากหลังการคลอด สามารถเกิดขึ้นได้กับคุณแม่ทุกคน ไม่ว่าจะคลอดแบบใดก็ตาม สำหรับการผ่าคลอด จะถือว่ามีภาวะตกเลือดหลังคลอด หากมีเลือดออกปริมาณ 1,000 มิลลิลิตรขึ้นไป สำหรับการคลอดธรรมชาติ จะมีเลือดออกประมาณ 500 มิลลิลิตรขึ้นไป
  • ภาวะตกเลือดหลังคลอด มี 2 แบบ คือการตกเลือดแบบเฉียบพลัน มักเกิดขึ้นภายใน 24 ชั่วโมงแรกหลังการคลอดลูก และตกเลือดระยะหลังคลอด เกิดภายหลังจากที่คุณแม่คลอดลูกไปแล้ว 24 ชั่วโมง ไปจนถึง12 สัปดาห์หลังการคลอดลูก
  • ภาวะตกเลือดหลังคลอด อาจส่งผลอันตรายถึงชีวิตได้ ในกรณีที่ไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม หลังการคลอดเมื่อพักฟื้นที่โรงพยาบาล คุณแม่ควรหมั่นสังเกตให้ดีว่ามีเลือดออกมากผิดปกติหรือไม่ มีอาการวิงเวียน คล้ายจะเป็นลม หน้ามืด ต้องรีบแจ้งให้พยาบาล หรือสูติแพทย์ทราบทันที
  • คุณแม่ที่มีภาวะตกเลือดหลังคลอดในการตั้งครรภ์ท้องแรก อาจเกิดภาวะตกเลือดหลังคลอดซ้ำอีกได้ในการตั้งครรภ์ถัดไป เมื่อไปฝากครรภ์ คุณแม่ควรรีบแจ้งให้สูตินรีแพทย์ที่ฝากครรภ์ให้ทราบ ว่าเกิดภาวะตกเลือดมา มีปัญหาสุขภาพอะไรที่เกิดขึ้นขณะตั้งครรภ์บ้าง

 

เลือกอ่านตามหัวข้อ


ตกเลือดหลังคลอด เกิดจากอะไร

ภาวะตกเลือดหลังคลอดนั้น คือ ภาวะที่เสียเลือดมากหลังการคลอดลูก การมีภาวะตกเลือดหลังคลอดนั้น แบ่งเป็น 2 กรณี ตามวิธีคลอด โดยหลังการผ่าคลอดหากมีเลือดออกปริมาณ 1,000 มิลลิลิตรขึ้นไป หรือหลัง การคลอดธรรมชาติ มีเลือดออกประมาณ 500 มิลลิลิตรขึ้นไป ถือว่ามีภาวะตกเลือดหลังคลอด ภาวะตกเลือดหลังคลอด มีสาเหตุมาจากหลายกรณีเช่น

  1. มีการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ
  2. ปากมดลูก หรือช่องคลอดของคุณแม่มีการฉีกขาด
  3. มีเยื่อหุ้มทารก หรือ เศษรก ค้างอยู่ในโพรงมดลูก
  4. คุณแม่ติดเชื้อภายในโพรงมดลูก
  5. กล้ามเนื้อมดลูกของคุณแม่หดรัดตัวได้ไม่ดี
  6. คุณแม่มีแขนงเส้นเลือดโป่งพองในโพรงมดลูก

 

ภาวะตกเลือดหลังคลอด มักเกิดขึ้นหลังคลอดกี่ชั่วโมง

1. ตกเลือดเฉียบพลัน

การตกเลือดแบบเฉียบพลันนั้น มักเกิดขึ้นภายใน 24 ชั่วโมงแรกหลังการคลอดลูก สาเหตุที่พบได้บ่อยคือ กล้ามเนื้อมดลูกหดรัดตัวไม่ดี มีเยื่อหุ้มทารก เศษรกค้างในโพรงมดลูก การแข็งตัวของเลือดผิดปกติ หรือช่องคลอด หรือปากมดลูกฉีกขาด

 

2. ตกเลือดระยะหลัง

การตกเลือดระยะหลังคลอด จะเกิดภายหลังจากที่คุณแม่คลอดลูกไปแล้ว 24 ชั่วโมง ไปจนถึง12 สัปดาห์หลังการคลอดลูก
สาเหตุที่พบได้บ่อยคือ คุณแม่ติดเชื้อภายในโพรงมดลูก มีเยื่อหุ้มทารก เศษรกค้างในโพรงมดลูก

 

อาการตกเลือดหลังคลอด ที่คุณแม่ควรสังเกตตัวเอง

คุณแม่ที่มีภาวะตกเลือดหลังการคลอดนั้น จะมีอาการแตกต่างกันไป หากมีอาการเหล่านี้เกิดขึ้นกับตัวเองหลังคลอด ให้รีบไปพบแพทย์ด่วน อย่ารอช้า หรือชะล่าใจ

  1. มีเลือดออกทางช่องคลอดมากผิดปกติ ซึ่งจะเป็นอาการหลักที่พบเจอ
  2. ปวดท้องน้อย ปวดอุ้งเชิงกราน
  3. หัวใจเต้นเร็ว หายใจไม่อิ่ม
  4. เป็นไข้ หนาวสั่น
  5. หน้ามืด อ่อนเพลีย เวียนศีรษะ
  6. ความดันต่ำ ตัวเย็น ผิวซีด
  7. มีความผิดปกติที่ช่องคลอด เช่น ช่องคลอดเจ็บ อักเสบ บวม ช้ำ
  8. กระวนกระวาย สับสน เห็นภาพเบลอ
  9. คลื่นไส้ อาเจียน อาการคล้ายเป็นลม

 

รู้หรือไม่ ภาวะตกเลือดหลังคลอด คุณแม่ต้องเสียเลือดไปเท่าไหร่

 

ภาวะตกเลือดหลังคลอด คุณแม่ต้องเสียเลือดไปเท่าไหร่

ภาวะตกเลือดหลังคลอด เป็นภาวะที่คุณแม่เสียเลือดหลังจากคลอดลูก ประมาณ 500-1,000 มิลลิลิตร หรือมากกว่า ตามวิธีคลอดที่กล่าวข้างต้น ส่งผลให้ร่างกายเกิดอาการผิดปกติ ภาวะตกเลือดหลังคลอดนี้ สามารถเกิดขึ้นภายใน 24 ชั่วโมงแรกหลังการคลอดลูก หรือ เกิดภายหลังจากที่คุณแม่คลอดลูกไปแล้ว 24 ชั่วโมง ไปจนถึง 12 สัปดาห์หลังการคลอดลูก

 

ตกเลือดหลังคลอด อันตรายถึงชีวิตจริงไหม

ภาวะตกเลือดหลังคลอด อาจส่งผลอันตรายถึงชีวิตได้ ในกรณีที่ไม่ได้รับการรักษา อาจส่งผลให้ร่างกายของคุณแม่เกิดการเสียเลือดในปริมาณมาก ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ เกิดขึ้นกับร่างกาย ทำให้คุณแม่มีอาการอ่อนเพลีย เวียนศีรษะ โลหิตจาง ช็อก ไปจนถึงเสียชีวิตในที่สุด

 

อาการตกเลือดหลังคลอดแบบไหนอันตรายมาก

ภาวะตกเลือดหลังคลอดที่มีปริมาณการเสียเลือดมาก ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน ภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากการตกเลือดหลังคลอดมีมากน้อยขึ้นอยู่กับปริมาณเลือดที่สูญเสียไป โดยมีภาวะแทรกซ้อนที่เกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง อาจทำให้ไตวาย เลือดไม่แข็งตัว หรือถึงขั้นวิกฤต ทำให้เสียชีวิตในที่สุด

 

ภาวะตกเลือดหลังคลอด มีโอกาสเกิดขึ้นกับคุณแม่ทุกคนไหม

คุณแม่ที่คลอดลูก สามารถเกิดภาวะตกเลือดหลังคลอดได้ทุกคน ไม่ว่าจะคลอดลูกด้วยวิธีธรรมชาติ หรือผ่าคลอดก็สามารถเกิดภาวะนี้ได้ ภาวะตกเลือดหลังคลอดเป็นภาวะที่รุนแรง ควรได้รับการรักษาอย่างเหมาะสมและทันท่วงที เพราะหากรักษาไม่เหมาะสม ล่าช้า อาจเสี่ยง อันตรายถึงแก่ชีวิตได้

 

คุณแม่ท้องลูกคนที่ 2 มีโอกาสตกเลือดซ้ำไหม

คุณแม่ที่มีภาวะตกเลือดหลังคลอดในการตั้งครรภ์ท้องแรก ในการตั้งครรภ์ท้องถัดไป อาจเกิดภาวะตกเลือดหลังคลอดซ้ำอีกได้ และจะมีโอกาสตกเลือดหลังคลอดมากขึ้นประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ เมื่อตั้งครรภ์ถัดไป คุณแม่ควรรีบแจ้งให้สูตินรีแพทย์ที่ฝากครรภ์ทราบ ว่าเกิดภาวะตกเลือดมา มีปัญหาสุขภาพอะไรที่เกิดขึ้นขณะตั้งครรภ์ หรือหลังคลอดบ้าง

 

วิธีดูแลตัวเอง เมื่อมีอาการตกเลือดหลังคลอด

  1. ลิ่มเลือดทางช่องคลอด หลังการคลอดเมื่อพักฟื้นที่โรงพยาบาล คุณแม่ต้องสังเกตว่า ตนเองมีเลือดออกทางช่องคลอดเป็นลิ่ม ๆ หรือ มีเลือดออกมากผิดปกติหรือไม่ มีอาการวิงเวียน คล้ายจะเป็นลม หน้ามืด ต้องรีบแจ้งให้สูติแพทย์ทราบทันที
  2. ปริมาณเลือดที่ออกทางช่องคลอด หลังการคลอดเมื่อพักฟื้นที่โรงพยาบาลครบกำหนดแล้วต้องกลับบ้าน คุณแม่ก็ควรสังเกตตัวเองให้ดีว่า มีปริมาณ และลักษณะเลือดที่ออกมาจากช่องคลอดนั้น เพิ่มมากขึ้นหรือไม่ หากมีเศษรกค้างในโพรงมดลูก หรือมีการติดเชื้อขึ้นในโพรงมดลูกหลังคลอด คุณแม่อาจมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ปวดมดลูก ปวดท้องน้อย มีไข้ หนาวสั่น หากมีอาการเหล่านี้ ให้คุณแม่รีบไปพบสูติแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด และรับการรักษาทันที
  3. น้ำคาวปลาหลังคลอด น้ำคาวปลาของแม่หลังคลอดกับเลือดออกผิดปกติหลังคลอด จะแตกต่างกัน น้ำคาวปลานั้นจะมีสีแดงในช่วง 2-3 วันแรกหลังคลอด เมื่อผ่านไป 1 สัปดาห์ สีของน้ำคาวปลาจะจางลง ปริมาณน้ำคาวปลาจะลดน้อยลง จะไม่มีอาการปวดท้อง หรือมีไข้ หนาวสั่น หากมีอาการเลือดออกผิดปกติที่ไม่ใช่น้ำคาวปลา ควรรีบไปพบแพทย์ตรวจอย่างละเอียด เพื่อรับการรักษาอย่างทันที

 

คุณแม่ท้องใกล้คลอด ควรหาข้อมูลภาวะตกเลือดหลังคลอด และหมั่นสังเกตอาการของตัวเองให้ดี และภายหลังการคลอด หากมีอาการผิดปกติใด ๆ ที่ส่งสัญญาณว่าอาจตกเลือดหลังคลอด ให้รีบแจ้งสูติแพทย์หรือพยาบาลทันที เพื่อดูแลและรับการรักษา ก่อนการคลอดคุณแม่ควรแจ้งประวัติสุขภาพของตนเองให้สูติแพทย์ทราบให้หมด เพื่อสูติแพทย์จะได้ประเมินความเสี่ยง หากมีความเสี่ยงต่อการแข็งตัวของเลือด แพทย์จะได้เตรียมความพร้อมในการทำคลอดให้อย่างปลอดภัย

 

บทความแนะนำสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์

 

 

อ้างอิง:

  1. ตกเลือดหลังคลอด อันตรายถึงชีวิต, กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข
  2. ภาวะตกเลือดหลังคลอดที่คุณแม่ควรรู้…หลังจากกลับไปบ้าน, โรงพยาบาลพญาไท 3
  3. ภาวะตกเลือดหลังคลอด, โรงพยาบาลแมคคอร์มิค
  4. ตกเลือดหลังคลอด (POSTPARTUM HEMORRHAGE), Pobpad

อ้างอิง ณ วันที่ 18 กรกฎาคม 2567
 

บทความแนะนำ

คนท้องกินโยเกิร์ตได้ไหม ควรกินแบบไหน อันตรายกับลูกในท้องหรือเปล่า

คนท้องกินโยเกิร์ตได้ไหม ควรกินแบบไหน อันตรายกับลูกในท้องหรือเปล่า

คนท้องกินโยเกิร์ตได้ไหม คุณแม่ท้องอยากกินโยเกิร์ต เพื่อบำรุงสุขภาพครรภ์ โยเกิร์ตดีกับลูกในท้องหรือเปล่า กินเท่าไหร่ถึงพอดีและปลอดภัยกับคุณแม่และลูกในครรภ์

คนท้องกินสลัดผักได้ไหม อันตรายกับลูกในท้องหรือเปล่า

คนท้องกินสลัดผักได้ไหม อันตรายกับลูกในท้องหรือเปล่า

คนท้องกินสลัดผักได้ไหม กินผักสดบ่อย จะอันตรายกับลูกในครรภ์ไหม ประโยชน์ของผักสลัดมีอะไรบ้าง ผักประเภทไหนที่คนท้องควรเลี่ยง ไปดูกันว่าคนท้องกินผักอะไรได้บ้าง

คนท้องทาเล็บได้ไหม ทาเล็บบ่อย อันตรายกับลูกในท้องหรือเปล่า

คนท้องทาเล็บได้ไหม ทาเล็บบ่อย อันตรายกับลูกในท้องหรือเปล่า

คนท้องทาเล็บได้ไหม คุณแม่ท้องทาเล็บบ่อย จะเป็นอันตรายกับลูกหรือเปล่า สารเคมีในน้ำยาทาเล็บ ส่งผลอะไรกับคุณแม่และลูกในท้องบ้าง อยากทำเล็บต้องระวังอะไร

แผลฝีเย็บไม่ติดกัน แผลสมานไม่สนิท เกิดจากอะไร

แผลฝีเย็บไม่ติดกัน แผลสมานไม่สนิท เกิดจากอะไร

แผลฝีเย็บไม่ติดกัน เกิดจากอะไรได้บ้าง คุณแม่แผลเย็บหลังคลอดไม่ติด แผลจะอักเสบไหม อันตรายกับคุณแม่หลังคลอดหรือเปล่า พร้อมวิธีดูแลแผลฝีเย็บไม่ติดกัน

เลือกระยะการตั้งครรภ์และพัฒนาการเด็ก