มีเพศสัมพันธ์หลังเป็นประจำเดือน 1 วันจะท้องไหม หลังมีเมนกี่วันถึงท้อง

มีเพศสัมพันหลังเป็นประจําเดือน 1 วัน มีโอกาสท้องไหม

01.04.2024

การมีเพศสัมพันธ์หลังหมดประจำเดือน ส่วนมากจะนิยมวิธีการนับ หน้า 7 หลัง 7 หมายถึงระยะเวลา 7 วันก่อนที่จะมีประจำเดือนวันแรก และนับ 7 วันโดยนับจากวันที่มีประจำเดือนวันแรก ซึ่งหากมีเพศสัมพันธ์ในช่วงนี้ มีโอกาสในการตั้งครรภ์ต่ำอยู่แล้ว แต่หากจะให้มั่นใจว่าไม่ตั้งครรภ์แน่นอนก็ควรป้องกันเพิ่มเติมโดยวิธีดังนี้ เช่น การสวมถุงยางอนามัย การใช้ห่วงอนามัยคุมกำเนิด การรับประทานยาคุม เป็นต้น ก็จะช่วยให้มั่นใจว่าไม่ตั้งครรภ์ค่อนข้างแน่นอน

headphones

PLAYING: มีเพศสัมพันหลังเป็นประจําเดือน 1 วัน มีโอกาสท้องไหม

อ่าน 6 นาที

 

สรุป

  • การมีเพศสัมพันธ์หลังมีประจำเดือนกี่วันถึงจะไม่ตั้งครรภ์ สำหรับคู่รักที่ยังไม่พร้อมจะมีบุตรมักใช้วิธีการนับหน้า 7 หลัง 7 เนื่องจากเป็นวิธีที่ง่ายไม่ยุ่งยากซับซ้อนเพียงแต่ต้องทำความเข้าใจในการนับวันที่ถูกต้อง เพื่อประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดมากที่สุด
  • นอกจากวิธีการนับหน้า 7 หลัง 7 ที่ใช้ในการคุมกำเนิดแล้ว ยังมีวิธีการคุมกำเนิดอื่น ๆ อีกด้วย เช่น การรับประทานยาคุมกำเนิด มีทั้งหมด 3 ชนิด คือ ยาคุมกำเนิดชนิดเม็ดแบบฉุกเฉิน ยาคุมกำเนิดชนิดเม็ดแบบฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน และ ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม เป็นต้น การฉีดยาคุมกำเนิด การใช้ถุงยางอนามัย การใส่ห่วงอนามัยคุมกำเนิด คุณผู้หญิงสามารถเลือกได้ตามความเหมาะสมหรืออาจปรึกษาแพทย์เฉพาะทางก็ได้เช่นกัน

 

เลือกอ่านตามหัวข้อ

 

มีเพศสัมพันธ์ช่วงไหน โอกาสท้องสูง

การมีเพศสัมพันธ์ในช่วงวันไข่ตกจะมีโอกาสตั้งครรภ์มากที่สุดเนื่องจากเป็นช่วงที่ไข่สุกพร้อมรอการผสม โดยจะนับวันที่ไข่ตกประมาณ 2 สัปดาห์ก่อนมีประจำเดือน ซึ่งวิธีการนับวันไข่ตกนี้จะแม่นยำก็ต่อเมื่อคุณผู้หญิงมีประจำเดือนในช่วงเวลาเดียวกันสม่ำเสมอเท่านั้น

 

มีเพศสัมพันธ์หลังมีประจำเดือนกี่วันถึงท้อง

การมีเพศสัมพันธ์หลังมีประจำเดือนเกิน 7 วัน จะมีโอกาสท้องสูง เนื่องจากเลยระยะเวลาปลอดภัยมาแล้ว ดังนั้นหากคุณผู้หญิงไม่ต้องการมีบุตรควรนับวันหลังจากมีประจำเดือนให้ดีและควรคุมกำเนิดด้วยวิธีอื่นควบคู่ไปด้วย เพื่อความแน่ใจว่าไม่ตั้งครรภ์แน่นอน เช่น การสวมถุงยางอนามัย การรับประทานยาคุม เป็นต้น

 

มีเพศสัมพันธ์หลังมีประจำเดือนกี่วันถึงท้อง

 

มีเพศสัมพันธ์แล้วจะท้องชัวร์ไหม ทำความเข้าใจเรื่องไข่ตก

หากมีข้อสงสัยว่ามีเพศสัมพันธ์แล้วจะตั้งครรภ์หรือไม่นั้น ควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับการตกไข่เสียก่อน การตกไข่หรือจะเรียกว่าไข่ตกนั้น จะเป็นวันที่ไข่ใบที่สุกที่สุดออกมาจากรังไข่ และไปยังส่วนปลายของท่อนำไข่ ซึ่งเมื่อมีการปฏิสนธิในช่วงไข่ตกนี้ก็มีโอกาสที่จะตั้งครรภ์สูง การนับวันไข่ตกจึงเป็นวิธีที่ใช้กันอย่างแพร่หลายเนื่องจากให้ผลที่มีความแม่นยำสูง อาจจะใช้วิธีนับวันไข่ตกนี้กับคู่ที่ยังไม่พร้อมมีบุตร หรือคู่ที่อยากมีบุตรก็ได้เช่นกัน แต่วิธีการนับวันไข่ตกใช้ได้กับเฉพาะคุณผู้หญิงที่ประจำเดือนมาปกติตามรอบแน่นอนเท่านั้น หากคุณผู้หญิงท่านใดที่ประจำเดือนไม่มาตามรอบปกติ อาจจะเกิดการคลาดเคลื่อนและนำมาซึ่งการตั้งครรภ์โดยไม่พึงประสงค์ได้ ดังนั้นควรเข้าพบแพทย์เพื่อขอคำปรึกษาโดยทันที

 

วิธีนับวันไข่ตก ใช้ได้กับผู้หญิงที่ประจำเดือนมาสม่ำเสมอเท่านั้น

วิธีนับวันไข่ตกสามารถใช้ได้ผลกับคุณผู้หญิงที่ประจำเดือนมาสม่ำเสมอเท่านั้น เพราะจะทำให้มีความแม่นยำสูง ยกตัวอย่างเช่น ประจำเดือนจะมาทุก ๆ วันที่ 28 เสมอ วันไข่ตกก็จะอยู่ในช่วงวันที่ 14 ของรอบเดือน และนับวันที่ประจำเดือนมาวันแรกเป็นวันที่ 1 ของรอบประจำเดือน และควรมีเพศสัมพันธ์ในช่วงก่อนวันตกไข่ประมาณ 2 วัน เพราะน้ำเชื้อจะสามารถรอการผสมกับไข่ได้ประมาณ 2 วัน ก่อนจะเกิดการตกไข่ ซึ่งช่วงเวลานี้คือช่วงเวลาสำคัญสำหรับผู้ที่อยากตั้งครรภ์

 

วันที่ไข่ตก จะมีอาการอะไรบ้าง

คุณผู้หญิงสามารถสังเกตอาการไข่ตกได้โดย หากเป็นวันไข่ตก จะมีมูกไข่ตก หรือ มูกใส ๆ ออกมาจากช่องคลอดหรืออาจมีเลือดออกมาจากช่องคลอด อุณหภูมิร่างกายที่เพิ่มขึ้น มีอารมณ์ทางเพศเพิ่มสูงขึ้น มีอาการปวดท้องน้อยหรือส่วนล่างของช่องท้อง มีอาการเจ็บคัดเต้านม เป็นต้น

 

ข้อมูลควรรู้ การนับระยะปลอดภัยหน้า 7 หลัง 7 ที่ถูกต้อง

คุณผู้หญิงส่วนใหญ่จะมีรอบประจำเดือนอยู่ที่ 28-32 วัน ซึ่งวิธีการนับหน้า 7 หลัง 7 ที่ถูกต้องและปลอดภัยคือ ให้นับหน้า 7 หมายถึงช่วง 7 วันก่อนมีประจำเดือน ซึ่งเป็นระยะเวลาที่ปลอดภัย ส่วนการนับหลัง 7 หมายถึงช่วง 7 วันนับจากวันที่มีประจำเดือนวันแรก ก็จะเป็นช่วงวันที่ปลอดภัยจากการตั้งครรภ์เช่นกัน แต่ไม่ควรมีเพศสัมพันธ์ช่วงมีประจำเดือนเพราะอาจจะทำให้เกิดการติดเชื้อในอุ้งเชิงกรานและโพรงมดลูกของคุณผู้หญิงได้

 

วิธีการนับหน้า 7 หลัง 7 เป็นวิธีที่สะดวกสำหรับคู่ที่ไม่ต้องการมีบุตร เนื่องจากไม่ต้องใช้อุปกรณ์ใด ๆ เพียงนับวันให้ตรงก็สามารถช่วยลดโอกาสในการตั้งครรภ์ได้ โดยข้อดีของวิธีการนับหน้า 7 หลัง 7 มีดังนี้ เช่น ไม่ต้องใช้ฮอร์โมนเอสโตรเจนหรือฮอร์โมนใด ๆ ที่อาจจะมีผลต่อร่างกายของคุณผู้หญิงได้ ไม่มีผลข้างเคียงเพราะไม่ต้องรับประทานยาหรือใช้อุปกรณ์เสริม ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย และหากต้องการที่จะมีบุตร ก็สามารถเลิกวิธีการนับหน้า 7 หลัง 7 ได้ทันที ส่วนข้อเสียของวิธีการนับหน้า 7 หลัง 7 ก็มีเช่นกัน เช่น หากนับวันผิดพลาดอาจตั้งครรภ์ได้ และไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หรือการติดเชื้อได้ จึงจำเป็นต้องมีความรู้ความเข้าใจวิธีการนับหน้า 7 หลัง 7 อย่างถูกต้อง และวิธีการคุมกำเนิดมีหลากหลายวิธี ดังนั้นควรเลือกวิธีการคุมกำเนิดที่เหมาะสมกับตัวเองที่สุด

 

บทความแนะนำสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์

 

อ้างอิง:

  1. หน้า 7 หลัง 7 วิธีนับระยะปลอดภัยช่วยคุมกำเนิด, pobpad
  2. นับวันตกไข่ให้เป๊ะ! ช่วยเพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์, โรงพยาบาลพญาไท
  3. อยากมีลูก...นับวันไข่ตกอย่างไรดี?, โรงพยาบาลพญาไท
  4. วิธีการนับวันตกไข่ สิ่งสำคัญของคุณแม่มือใหม่, โรงพยาบาลบางปะกอก
  5. หน้า 7 หลัง 7 วิธีนับระยะปลอดภัย, hellokhunmor

อ้างอิง ณ วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567

บทความแนะนำ

มดลูกหย่อนอันตรายไหม คุณแม่ควรรับมือยังไง เมื่อมดลูกหย่อน

มดลูกหย่อนอันตรายไหม คุณแม่ควรรับมือยังไง เมื่อมดลูกหย่อน

มดลูกหย่อน คืออะไร อาการมดลูกหย่อนเป็นแบบไหน มีทั้งหมดกี่ระยะ เกิดขึ้นกับช่วงวัยไหนบ้าง รักษาให้หายขาดได้ไหม พร้อมวิธีป้องกันมดลูกหย่อนในผู้หญิง

ฝังยาคุมดีไหม ได้ผลกี่เปอร์เซ็นต์ ฝังยาคุมมีผลข้างเคียงอะไรบ้าง

ฝังยาคุมดีไหม ได้ผลกี่เปอร์เซ็นต์ ฝังยาคุมมีผลข้างเคียงอะไรบ้าง

ฝังยาคุมเพื่อคุมกำเนิดได้ผลดีแค่ไหน การฝังยาคุมกำเนิด เหมาะกับใคร มีข้อดีข้อเสียยังไง ฝังยาคุมอยู่ได้นานกี่ปี ปลอดภัยไหม มีผลข้างเคียงหรือเปล่า

คนท้องเท้าบวมหลังคลอด คุณแม่มือเท้าบวม รับมือยังไงดี

คนท้องเท้าบวมหลังคลอด คุณแม่มือเท้าบวม รับมือยังไงดี

คนท้องเท้าบวมหลังคลอด อาการมือเท้าบวมหลังคลอด เกิดจากสาเหตุอะไรได้บ้าง คุณแม่เท้าบวมหายเองได้ไหม หากหายช้าจะเป็นอันตรายหรือเปล่า พร้อมวิธีรับมือ

ตกเลือดหลังคลอด คืออะไร อาการตกเลือดหลังคลอดอันตรายมากไหม

ตกเลือดหลังคลอด คืออะไร อาการตกเลือดหลังคลอดอันตรายมากไหม

ตกเลือดหลังคลอด คืออะไร อาการตกเลือดหลังคลอดของคุณแม่ เกิดจากสาเหตุอะไรได้บ้าง หากเลือดออกเยอะและไม่หยุดไหล จะอันตรายกับคุณแม่แค่ไหน

เลือกระยะการตั้งครรภ์และพัฒนาการเด็ก