ฝังยาคุมดีไหม ได้ผลกี่เปอร์เซ็นต์ ฝังยาคุมมีผลข้างเคียงอะไรบ้าง

ฝังยาคุมดีไหม ได้ผลกี่เปอร์เซ็นต์ ฝังยาคุมมีผลข้างเคียงอะไรบ้าง

29.08.2024

การฝังยาคุมกำเนิดเป็นวิธีคุมกำเนิดที่ปลอดภัย มีประสิทธิภาพสูง และใช้ได้อย่างยาวนาน การฝังยาคุมจึงเป็นอีกหนึ่งวิธีคุมกำเนิดที่ได้รับความสนใจในหมู่คุณแม่ แต่ถ้าคุณแม่คนไหนที่ยังมีความลังเลและอยากหาข้อมูลเพิ่มเติม สามารถศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการฝังยาคุมเบื้องต้นได้เลย และควรขอคำแนะนำจากคุณหมอเพื่อหาวิธีการฝังยาคุมที่เหมาะสมกับคุณแม่มากที่สุด

headphones

PLAYING: ฝังยาคุมดีไหม ได้ผลกี่เปอร์เซ็นต์ ฝังยาคุมมีผลข้างเคียงอะไรบ้าง

อ่าน 6 นาที

 

สรุป

  • การฝังยาคุม (Contraceptive Implant) เป็นการฝังหลอดยาเล็ก ๆ ฝังไว้ใต้ท้องแขนด้านในให้ตัวยาค่อย ๆ ซึมเข้าไปสู่ร่างกายไปยับยั้งการตกไข่ การฝังยาคุมจึงสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้สูงสุดที่ 99.9 เปอร์เซ็นต์
  • การฝังยาคุมมีอยู่ 2 แบบด้วยกัน คือ การฝังยาคุมแบบ 1 แท่ง และการฝังยาคุมแบบ 2 แท่ง ขึ้นอยู่กับชนิดของยา โดยที่มีระยะเวลาในการป้องกันการตั้งครรภ์ได้นานถึง 3-5 ปี
  • การฝังยาคุมอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง คือ ประจำเดือนมาไม่ปกติ มีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น ปวดศีรษะ เจ็บเต้านม บางคนอาจมีอารมณ์แปรปรวน ส่วนบริเวณผิวหนังที่ฝังยาคุมอาจเกิดอาการบวม แดง ระคายเคืองขึ้นมาได้

 

เลือกอ่านตามหัวข้อ

 

การฝังยาคุม มีทั้งหมดกี่แบบ

การฝังยาคุม (Contraceptive Implant) เป็นวิธีการคุมกำเนิดแบบชั่วคราว มีอยู่ 2 แบบด้วยกันที่แบ่งตามชนิดของยา คือ การฝังยาคุมแบบ 1 แท่ง และการฝังยาคุมแบบ 2 แท่ง โดยการฝังยาคุมทั้ง 2 แบบนี้ เป็นการฝังหลอดยาเล็ก ๆ ที่มีการบรรจุฮอร์โมนไว้ยาวประมาณ 3-4 เซนติเมตร ขนาดใกล้เคียงกับไม้จิ้มฟัน แล้วนำไปฝังไว้ใต้ท้องแขนด้านในภายในระยะเวลา 7 วันแรกของการมีรอบเดือน เมื่อฝังยาเสร็จเรียบร้อยแล้วตัวยาจะค่อย ๆ ซึมเข้าสู่ร่างกาย เพื่อยับยั้งการเจริญเติบโตของฟองไข่ ทำให้ไม่เกิดการตกไข่ ส่วนบริเวณปากมดลูกจะเกิดเป็นมูกเหนียวข้นขึ้นมา เพื่อป้องกันให้อสุจิเข้าไปยังโพรงมดลูกได้ยากขึ้น อีกทั้งฤทธิ์ยายังทำให้โพรงมดลูกมีสภาพที่ไม่เหมาะสำหรับการฝังตัวอ่อน ทำให้ในช่วงการฝังยาคุมสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้นั่นเอง

 

ฝังยาคุมให้ผลชัวร์กี่เปอร์เซ็นต์

การฝังยาคุม เป็นหนึ่งในวิธีของการคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ที่สูงสุดที่ 99.9 เปอร์เซ็นต์ โดยมีโอกาสที่ล้มเหลวอยู่ที่ 0.05-0.1 เปอร์เซ็นต์ หรือ 1 ใน 2,000 คนเท่านั้นเอง

 

การฝังยาคุม เหมาะกับใครบ้าง

  • การฝังยาคุม เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเว้นการมีลูก 3 ปีขึ้นไป เนื่องจากการฝังยาคุม สามารถทำได้เลยตั้งแต่คลอดลูก
  • การฝังยาคุม เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพสูงในระยะยาว
  • การฝังยาคุม เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่สามารถใช้ฮอร์โมนเอสโตรเจนได้

 

อย่างไรก็ตาม การฝังยาคุมควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์ เนื่องจากการฝังยาคุมอาจไม่เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นมะเร็งเต้านม โรคตับรุนแรง และโรคหลอดเลือดดำอุดตัน รวมถึงผู้ที่ใช้ยาบางประเภทค่ะ

 

ฝังเข็มยาคุมอยู่ได้นานกี่ปี

การฝังยาคุมกำเนิดทั้งแบบ 1 แท่ง และแบบ 2 แท่ง จะมีระยะเวลาในการออกฤทธิ์ได้นานถึง 3-5 ปี ขึ้นอยู่กับชนิดของยา เมื่อยาหมดฤทธิ์แล้วจะต้องนำหลอดยาที่ฝังอยู่ออกและเปลี่ยนหลอดใหม่ เนื่องจากหลอดยาไม่สามารถสลายไปได้เอง

 

หลังฝังยาคุม จะมีอาการอย่างไร

หลังจากที่มีการฝังยาคุมจะทำให้คุณผู้หญิงมีประจำเดือนมาไม่ปกติ หรือมาแบบกะปริบกะปรอย มีน้ำหนักตัวที่เพิ่มมากขึ้น มีอาการปวดศีรษะ เจ็บเต้านม บางคนอาจมีอารมณ์แปรปรวน ส่วนบริเวณผิวหนังที่ฝังยาคุมอาจเกิดอาการบวม แดง ระคายเคืองขึ้นมาได้

 

ข้อดี-ข้อเสีย ของการฝังยาคุม มีอะไรบ้าง

ข้อดีของการฝังยาคุม

  • เป็นวิธีการคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพสูง
  • มีผลข้างเคียงน้อย
  • ไม่มีผลต่อการให้นมของคุณแม่
  • คุมกำเนิดได้นาน 3-5 ปี
  • ไม่ต้องทานยาทุกวัน ไม่ต้องฉีดยา และไม่ต้องเช็กสายห่วงคุมกำเนิด
  • หลังถอดแล้วสามารถกลับมาตั้งครรภ์ได้เร็ว โดย 90 เปอร์เซ็นต์ จะมีไข่ตกภายใน 1 เดือน
  • สามารถถอดแล้วเปลี่ยนเป็นวิธีการคุมกำเนิดแบบอื่นได้
  • สามารถลดอาการปวดประจำเดือน และประจำเดือนมามากได้

 

ข้อเสียของการฝังยาคุม

  • ไม่สามารถหยุดยาหรือถอดยาได้เอง
  • อาจมีผลข้างเคียงบริเวณที่ฝังยา เช่น บวม แดง ระคายเคือง เป็นต้น
  • ยาออกฤทธิ์ได้นาน เมื่อต้องการถอดหลอดยาออกต้องรอให้ระดับยาลดลงก่อน
  • ในช่วงแรกของการฝังยาคุมอาจทำให้ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ หรือมากะปริบกะปรอย หลังจากนั้นอาจจะมาบ้าง หรือไม่มาเลยก็ได้
  • มีผลข้างเคียง เช่น ปวดหัว เป็นสิว น้ำหนักตัวขึ้น อารมณ์แปรปรวน เป็นต้น
  • ไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ ต้องใช้อุปกรณ์ป้องกันเอย่างถุงยางอนามัย

 

ผลข้างเคียงของการฝังยาคุมที่คุณควรรู้

 

ผลข้างเคียงของการฝังยาคุม

  1. มีสิว ฝ้า: เป็นอาการของผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นได้หลังจากฝังยาคุม
  2. น้ำหนักตัวเพิ่ม: ผู้ที่ฝังยาคุมกำเนิดบางราย อาจมีการเปลี่ยนแปลงของน้ำหนักตัวทำให้มีน้ำหนักตัวที่เพิ่มมากขึ้นได้
  3. ประจำเดือนมาผิดปกติ: ในช่วง 3-6 เดือนแรกของการฝังยาคุม ประจำเดือนจะมาไม่สม่ำเสมอ ประจำเดือนมาผิดปกติ หลังจากนั้นจะมาน้อยลงและประจำเดือนอาจหายไปเลยตลอดที่มีการฝังยาคุม
  4. ประจำเดือนมาบ่อยกว่าปกติ: ในบางรายที่มีการฝังยาคุม อาจมีประจำเดือนมาบ่อย มาทุกวัน หรือมาแต่ละครั้งมานานมากแต่พบได้น้อยมาก
  5. อารมณ์แปรปรวน: ผู้ที่ฝังยาคุมอาจมีอาการอารมณ์แปรปรวนได้
  6. เจ็บเต้านม: อาการเจ็บเต้านม หรือปวดเต้านม เป็นอาการที่ไม่พึงประสงค์ของการฝังยาคุม
  7. เวียนหัว: การฝังยาคุมอาจทำให้เกิดอาการวิงเวียนศีรษะได้
  8. ช่องคลอดแห้ง: การฝังยาคุมกำเนิดอาจทำให้ช่องคลอดของคุณแม่มีอาการอักเสบหรือแห้งได้

 

การฝังเข็มยาคุม ทำให้อ้วนจริงไหม

คำตอบคือ จริง เนื่องจากการฝังยาคุมทำให้เกิดผลข้างเคียงตามมาในช่วงระยะแรก ในแต่ละรายอาจแสดงอาการที่แตกต่างกัน ส่วนใหญ่พบว่าการฝังยาคุมจะทำให้ประจำเดือนมาไม่ปกติ หรือมีประจำเดือนกะปริบกะปรอย และมีน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น หมายความว่า การฝังยาคุมอาจทำให้คุณแม่อ้วนขึ้นได้

 

คุณแม่อยู่ในช่วงให้นมลูก ฝังยาคุมได้ไหม

คุณแม่ให้นมลูกน้อย สามารถฝังยาคุมได้ เนื่องจากการฝังยาคุมเป็นการฝังฮอร์โมนชนิดหนึ่งที่จะเข้าไปยับยั้งการตกไข่ ทำให้ช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ โดยที่ตัวยาหรือฮอร์โมนไม่ส่งผลต่อปริมาณหรือคุณภาพของน้ำนมคุณแม่ ได้ คุณแม่ที่กำลังให้นมและควรขอคำแนะนำจากคุณหมอเพื่อหาวิธีการฝังยาคุมที่เหมาะสมกับคุณแม่มากที่สุด

 

ว่าที่คุณแม่วางแผนจะมีลูก ควรเอาเข็มฝังยาคุมออกตอนไหน

หากคุณแม่กำลังวางแผนที่จะมีลูกและต้องการมีลูกในเร็ว ๆ นี้ คุณแม่สามารถปรึกษาคุณหมอเพื่อให้คุณหมอถอดยาคุมที่ฝังออกให้ได้เลยค่ะ เพราะหลังจากที่คุณแม่เอาเข็มยาคุมออกแล้ว ไข่จะกลับมาตกภายใน 1 เดือน คุณแม่จึงมีโอกาสตั้งครรภ์ได้อีกครั้ง

 

ฝังยาคุมแพงไหม มีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง

ค่าใช้จ่ายในการฝังยาคุม อาจมีค่าใช้จ่ายที่แตกต่างกันไปตามสถานพยาบาลที่คุณแม่เข้ารับบริการ ดังนั้น ถ้าหากคุณแม่สนใจหรือวางแผนที่จะฝังยาคุม ควรศึกษาหรือขอคำแนะนำจากแพทย์

 

นอกจากนี้ คุณแม่ยังสามารถฝังยาคุมกำเนิดได้ “ฟรี” ตามสิทธิประโยชน์บริการคุมกำเนิดถาวร ภายใต้กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) ผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” โดยต้องมีเกณฑ์ ดังนี้

  • เป็นผู้ที่มีอายุน้อยกว่า 20 ปี และมีความต้องการคุมกำเนิด หรืออยู่ภาวะหลังคลอด หรือหลังแท้ง
  • เป็นผู้ที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป ใช้สิทธิได้เฉพาะ “กรณีหลังยุติการตั้งครรภ์”

 

ตอนนี้คุณแม่คงเข้าใจเกี่ยวกับการฝังยาคุมกันบ้างแล้ว การฝังยาคุมในช่วงแรกอาจทำให้คุณแม่รู้สึกถึงความผิดปกติของร่างกายไม่มากก็น้อย และอาจจะรู้สึกระคายเคืองบริเวณแผลที่ฝังยาคุม หากในระหว่างที่ฝังยาคุมอยู่คุณแม่รู้สึกไม่สบายตัว หรืออยากกลับมาตั้งครรภ์อีกครั้ง สามารถปรึกษาคุณหมอเพื่อนำยาที่ฝังอยู่ออกเมื่อใดก็ได้เลย อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการฝังยาคุมจะมีประสิทธิภาพสูง แต่ปัญหาสุขภาพบางอย่างอาจทำให้ประสิทธิภาพของการฝังยาลดน้อยลงได้เช่นกัน ดังนั้น คุณแม่ที่มีความสนใจเกี่ยวกับการฝังยาคุม ควรปรึกษาคุณหมอก่อนตัดสินใจเสมอ

 

บทความแนะนำสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์

 

 

อ้างอิง:

  1. “ยาฝังคุมกำเนิด” เรื่องควรรู้และผลข้างเคียงที่ต้องระวัง!, โรงพยาบาลศิครินทร์
  2. รู้จัก..ยาฝังคุมกำเนิด อีกหนึ่งวิธีคุมกำเนิดที่มีความปลอดภัย, โรงพยาบาลนครธน
  3. ยาฝังคุมกำเนิดทางเลือกใหม่ของวัยรุ่น, กรมอนามัย
  4. คุมกำเนิดแบบไหนดี?, โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชหารุณย์
  5. ยาคุมกำเนิดชนิดฝัง, คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
  6. สปสช. ชี้แจง “ฝังยาคุมกำเนิด” สิทธิประโยชน์ฟรี สำหรับหญิงไทยตามกลุ่มเป้าหมายทุกสิทธิการรักษา, สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ

อ้างอิง ณ วันที่ 18 กรกฎาคม 2567
 

บทความแนะนำ

มดลูกหย่อนอันตรายไหม คุณแม่ควรรับมือยังไง เมื่อมดลูกหย่อน

มดลูกหย่อนอันตรายไหม คุณแม่ควรรับมือยังไง เมื่อมดลูกหย่อน

มดลูกหย่อน คืออะไร อาการมดลูกหย่อนเป็นแบบไหน มีทั้งหมดกี่ระยะ เกิดขึ้นกับช่วงวัยไหนบ้าง รักษาให้หายขาดได้ไหม พร้อมวิธีป้องกันมดลูกหย่อนในผู้หญิง

คนท้องเท้าบวมหลังคลอด คุณแม่มือเท้าบวม รับมือยังไงดี

คนท้องเท้าบวมหลังคลอด คุณแม่มือเท้าบวม รับมือยังไงดี

คนท้องเท้าบวมหลังคลอด อาการมือเท้าบวมหลังคลอด เกิดจากสาเหตุอะไรได้บ้าง คุณแม่เท้าบวมหายเองได้ไหม หากหายช้าจะเป็นอันตรายหรือเปล่า พร้อมวิธีรับมือ

ตกเลือดหลังคลอด คืออะไร อาการตกเลือดหลังคลอดอันตรายมากไหม

ตกเลือดหลังคลอด คืออะไร อาการตกเลือดหลังคลอดอันตรายมากไหม

ตกเลือดหลังคลอด คืออะไร อาการตกเลือดหลังคลอดของคุณแม่ เกิดจากสาเหตุอะไรได้บ้าง หากเลือดออกเยอะและไม่หยุดไหล จะอันตรายกับคุณแม่แค่ไหน

น้ำคาวปลายังไม่หมดกินน้ำเย็นได้มั้ย คุณแม่ผ่าคลอดกินน้ำเย็นได้ไหม

น้ำคาวปลายังไม่หมดกินน้ำเย็นได้มั้ย คุณแม่ผ่าคลอดกินน้ำเย็นได้ไหม

น้ำคาวปลายังไม่หมดกินน้ำเย็นได้มั้ย ผ่าคลอดกินน้ำเย็นได้ไหม คุณแม่กินน้ำเย็นแล้วน้ำนมจะหดจริงหรือเปล่า พร้อมเคล็ดลับดูแลตัวเองหลังคุณแม่ผ่าคลอด

เลือกระยะการตั้งครรภ์และพัฒนาการเด็ก