วิธีนวดท้องให้ทารกถ่าย สำหรับลูกน้อยที่ท้องผูก ไม่ยอมถ่ายหลายวัน

ลูกท้องผูก ลูกไม่ถ่าย ทำไงดี พร้อมวิธีนวดท้องให้ทารกถ่าย

20.01.2024

“ลูกท้องอืดไม่ถ่ายทำไงดี” เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่ทำเอาคุณพ่อคุณแม่หลายคนเครียดไม่น้อย เพราะต้องปวดใจกับการที่ลูกน้อยทรมานทุกครั้งที่ท้องอืด ถ่ายไม่ออก เราจะมาเจาะลึกเรื่องของอาการท้องผูกของลูก ว่าสาเหตุเกิดจากอะไร ท้องผูกต่างจากท้องอืดอย่างไร และต้องไม่ถ่ายนานแค่ไหนถึงจะเรียกว่าท้องผูก รวมถึงเรามีวิธีการที่จะช่วยดูแลอาการท้องผูกของลูก เช่น วิธีนวดท้องให้ทารกถ่าย และอีกหลากหลายวิธีมาบอกกัน

headphones

PLAYING: ลูกท้องผูก ลูกไม่ถ่าย ทำไงดี พร้อมวิธีนวดท้องให้ทารกถ่าย

อ่าน 6 นาที

 

สรุป

  • หากลูกถ่ายอุจจาระน้อยกว่าหรือเท่ากับ 2 ครั้งต่อสัปดาห์ มีอุจจาระแข็งร่วมกับมีอาการเจ็บปวดในเวลาถ่าย ต้องเบ่งถ่ายมาก หรือมีเลือดปนถึงแม้ว่าอาจจะอุจจาระทุกวัน หรือวันละ 2-3 ครั้งก็ตาม ก็ถือว่าลูกท้องผูกได้เช่นกัน
  • อาการที่อาจแสดงว่าลูกท้องผูก คือไม่ได้ขับถ่ายติดต่อกันนานกว่า 2-3 วัน ต้องออกแรงเบ่งอุจจาระมากกว่าปกติ หรืออาจมีเลือดปนมากับอุจจาระ
  • วิธีนวดท้องให้ทารกถ่าย เพื่อกระตุ้นการขับถ่ายให้ลูก ให้ใช้ปลายนิ้วกดลงไปเบา ๆ อย่างสม่ำเสมอ ตรงท้องส่วนล่างด้านซ้ายของลูกซึ่งอยู่ใต้สะดือเล็กน้อยราว 3 นิ้วมือ นวดประมาณ 3 นาที อย่างสม่ำเสมอ หมั่นนวดวันละหลาย ๆ ครั้งจนกว่าลูกจะถ่ายได้ปกติ

 

เลือกอ่านตามหัวข้อ

 

อาการท้องอืดเป็นอาการเริ่มต้น หรืออาการที่บ่งบอกให้คุณพ่อคุณแม่ต้องสังเกตแล้วว่าลูกอาจจะมีอาการท้องผูกตามมา เรามาดูกันก่อนว่าลูกมีอาการเหล่านี้หรือไม่ โดย อาการที่สามารถสังเกตได้ มีดังนี้

  • ปวดท้อง งอแง
  • เรอบ่อย มีกลิ่นปาก
  • ท้องโตเป็นพัก ๆ ผายลมบ่อย
  • ท้องผูก

 

อาการแบบไหนคืออาการลูกท้องอืดและท้องผูก

หากลูกที่ทานนมแม่จะถ่ายบ่อยเป็นปกติอยู่แล้ว คือ อาจถ่ายทุกครั้งหลังจากทานนมแม่ หลังอายุ 6 สัปดาห์จะถ่ายน้อยลงเป็นวันละ 3-5 ครั้ง และไม่จำเป็นว่าเด็กจะต้องถ่ายทุกวัน

 

แต่หากลูกถ่ายอุจจาระน้อยกว่าหรือเท่ากับ 2 ครั้งต่อสัปดาห์ มีอุจจาระแข็งร่วมกับมีอาการเจ็บปวดในเวลาถ่าย ต้องเบ่งถ่ายมาก หรือมีเลือดปน ถึงแม้ว่าบางครั้งอาจจะอุจจาระทุกวัน หรือวันละ 2-3 ครั้งก็ตาม ก็ถือว่าลูกท้องผูกได้เช่นกัน

 

วิธีนวดท้องให้ทารกถ่าย ลูกท้องอืด ท้องผูก จะมีอาการอย่างไร

 

ลูกท้องอืด ท้องผูก จะมีอาการอย่างไร?

คุณพ่อคุณแม่อาจจะต้องสังเกตอาการที่อาจแสดงว่าลูกท้องผูกหรือมีอาการท้องอืด

  1. ไม่ค่อยถ่าย หากสังเกตว่าลูกไม่ได้ขับถ่ายติดต่อกันนานกว่า 2-3 วัน อาจเป็นสัญญาณของอาการท้องผูกได้
  2. ต้องออกแรงเบ่ง คุณพ่อคุณแม่ควรสังเกตว่าลูกต้องออกแรงเบ่งอุจจาระมากกว่าปกติหรือไม่ หรือรู้สึกหงุดหงิดและร้องไห้เวลาขับถ่ายหรือไม่ หากมีอาการเหล่านี้ อาจจะแสดงว่าลูกท้องผูกอยู่
  3. ถ่ายมีเลือดปน อาการท้องผูกอาจมีเลือดปนมากับอุจจาระได้ เนื่องจากผนังทวารหนักฉีกขาดจากการออกแรงเบ่งอุจจาระ
  4. ไม่กินอาหาร ลูกกินยากและมักรู้สึกอิ่มเร็ว เพราะเขาอึดอัดและไม่สบายท้องจากอาการท้องผูกนั่นเอง
  5. ท้องแข็ง ท้องตึง แน่น หรือแข็ง ซึ่งเป็นอาการท้องอืดที่เกิดขึ้นร่วมกับท้องผูก

 

วิธีนวดท้องให้ทารกถ่าย ขั้นตอนการนวดท้อง กระตุ้นการขับถ่ายให้ลูก

การนวดท้องเพื่อช่วยกระตุ้นลำไส้ เป็นวิธีนวดท้องให้ทารกถ่ายที่ช่วยบรรเทาอาการลูกท้องอืด ท้องผูกและยังช่วยให้ลูกผ่อนคลายความอึดอัด จากอาการท้องอืดได้อีกด้วย นวดได้ง่าย ๆ 3 ขั้นตอนตามนี้

  1. โดยใช้ปลายนิ้วกดลงไปเบา ๆ อย่างสม่ำเสมอ ตรงท้องส่วนล่างด้านซ้ายของลูก ซึ่งอยู่ใต้สะดือราว 3 นิ้วมือ
  2. นวดประมาณ 3 นาที อย่างสม่ำเสมอ แล้วลองสังเกตดูว่าลูกผ่อนคลายขึ้นหรือไม่
  3. หมั่นนวดวันละหลาย ๆ ครั้งจนกว่าลูกจะถ่ายอุจจาระได้ปกติ

 

รู้ไหมว่า “การออกกำลังกาย” ก็ช่วยกระตุ้นการขับถ่ายให้ลูกน้อยได้นะ

ลูกท้องอืดไม่ถ่ายทำไงดี? ง่าย ๆ แค่การขยับร่างกายนั่นเอง เพราะแค่ขยับเท่ากับการออกกำลังกายแล้ว เพราะการเคลื่อนไหวร่างกายจะช่วยเร่งการย่อยอาหาร และส่งผลให้ร่างกายสามารถลำเลียงของเสียออกไปได้โดยเร็ว ในเด็กเล็กคุณพ่อคุณแม่อาจฝึกลูกให้ถีบจักรยานกลางอากาศ ส่วนในเด็กที่โตขึ้นหน่อยอาจชวนกันทำกิจกรรมหรือเล่นเกมที่ต้องขยับตัวมากขึ้น หรือพากันไปออกกำลังกายบ้าง ก็จะช่วยให้ระบบขับถ่ายของลูกดีขึ้นได้

 

ลูกท้องอืด ท้องผูก ควรรับประทานอะไรดี?

หากลูกอายุน้อยกว่า 6 เดือน การดื่มนมแม่เพียงอย่างเดียว ทำให้ไม่ค่อยมีอาการท้องผูก เพราะในนมแม่ มีสารอาหารมากว่า 200 ชนิด อีกทั้งนมแม่ยังมีโพรไบโอติก (Probiotics) หรือแบคทีเรียในลำไส้ชนิดที่มีประโยชน์ และพรีไบโอติก (Prebiotics) ซึ่งคืออาหารที่ช่วยกระตุ้นการเติบโตและเสริมความแข็งแรงให้กับแบคทีเรียชนิดดังกล่าว อีกทั้งยังมี เช่น ดีเอชเอ โอเมก้า และสฟิงโกไมอีลิน อีกด้วย แต่สำหรับเด็กอายุ 6 เดือนขึ้นไป ที่เริ่มหัดกินอาหารอื่นร่วมกับนมแม่ได้แล้ว จึงควรปรับการกินอาหารของเด็กเพื่อป้องกันปัญหาท้องผูก ดังนี้

  • ดื่มน้ำเปล่ามากขึ้น เพราะน้ำจะช่วยให้ร่างกายชุ่มชื้นและกระตุ้นการขับถ่ายให้ดีขึ้น สม่ำเสมอขึ้น และอาจให้เด็กดื่มน้ำลูกพรุนหรือน้ำลูกแพร์เจือจาง (เพื่อลดความหวาน) ในปริมาณที่เหมาะสมเพื่อกระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ได้ในอีกทางหนึ่ง
  • ควรให้เด็กกินอาหารที่มีเส้นใยมากขึ้น เช่น บรอกโคลี ธัญพืชที่ผ่านการปรุงสุก ผลไม้ เช่น ลูกพรุน แอปเปิ้ลแบบปอกเปลือก

 

มาฝึกนิสัยการขับถ่ายให้ลูกกันเถอะ

อีกหนึ่งวิธีที่ช่วยให้ลูกมีสุขภาพการขับถ่ายที่ดีนั่น คือการฝึกนิสัยการขับถ่ายให้ลูกนั่นเอง โดยเริ่มต้นง่ายๆ

  1. เริ่มฝึกให้ลูกบอกความต้องการได้ ด้วยคำง่ายๆ เช่น "ฉี่" หรือ "อึ" เมื่อต้องการขับถ่าย โดยในช่วงแรก คุณพ่อคุณแม่อาจจะต้องสังเกตและสอบถามลูกก่อน เมื่อลูกแสดงอาการที่จะปวดถ่าย งอแง หรือจับผ้าอ้อม แล้วย้ำคำว่า "ฉี่" หรือ "อึ" เพื่อให้ลูกเรียนรู้ถึงการบอกความต้องการของตัวเอง
  2. ลดการใส่ผ้าอ้อมลง จากทั้งวัน เป็นเฉพาะตอนกลางคืน หรือเมื่อต้องเดินทาง
  3. เริ่มให้ลูกนั่งกระโถน โดยเริ่มให้ลูกสนใจในการขับถ่ายด้วยการให้เขาเลือกกระโถนเอง เพื่อช่วยให้ลูกสนใจมากขึ้น โดยกำหนดการถ่ายหนัก-เบา ให้เป็นเวลา เช่น ทุกเช้าต้องนั่งกระโถนถ่ายอุจจาระ
  4. เมื่อฝึกลูกนั่งกระโถนจนชินแล้ว ให้เริ่มเปลี่ยนเป็นนั่งชักโครกโดยใช้ฝารองสำรับเด็ก และมีเก้าอี้รองขาเพื่อกันลูกพลัดตกหกล้ม
  5. ต้องไม่ตำหนิหรือหงุดหงิดใส่ เมื่อลูกถ่ายรดกางเกง เพื่อไม่ให้เขารู้สึกผิด แต่ให้ชมเชยเมื่อลูกขับถ่ายอย่างถูกต้อง

 

อาการท้องผูกของลูกนั้นป้องกันได้ด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และกากใยสูง ที่สำคัญคือคุณพ่อคุณแม่ต้องคอยสังเกตอาการของลูก หากท้องอืดบ่อยๆ และขับถ่ายน้อย หรือถ่ายลำบากต้องรีบปรับเรื่องการกินและกิจกรรมของลูก และอาจลองนวดเพื่อกระตุ้นการทำงานของลำไส้ให้กับลูก เพื่อลดความเจ็บปวดและช่วยให้ขับถ่ายได้ง่ายขึ้น เพียงเท่านี้เรื่องท้องผูกของลูกก็จะเป็นเรื่องเล็กที่คุณพ่อคุณแม่รับมือได้แน่นอน

 

บทความแนะนำสำหรับคุณแม่

 

 

อ้างอิง:

  • ทารกท้องผูก คุณแม่ควรทำอย่างไร, พบแพทย์
  • หยุดอาการปวดท้องเรื้อรังของเด็กๆ แบบตรงจุด, โรงพยาบาลสมิติเวช
  • ‘ท้องผูกในเด็ก’ ปัญหาเรื้อรัง…ที่พ่อแม่ไม่ควรมองข้าม, โรงพยาบาลไทยนครินทร์
  • ท้องผูกในเด็ก, โรงพยาบาลขอนแก่นราม
  • การฝึกขับถ่ายของลูกน้อย, ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล

อ้างอิง ณ วันที่ 25 ธันวาคม 2566

บทความแนะนำ

วิธีไล่ลมในท้องทารก เมื่อลูกน้อยมีอาการท้องอืด ไม่สบายท้อง

วิธีไล่ลมในท้องทารก เมื่อลูกน้อยมีอาการท้องอืด ไม่สบายท้อง

วิธีไล่ลมในท้องทารก คุณพ่อคุณแม่ทำยังไงได้บ้าง เมื่อลูกน้อยรู้สึกท้องอืด ไม่สบายท้อง การไล่ลมในท้องทารกต้องทำยังไง ไปดูวิธีไล่ลมในท้องทารก ช่วยให้ลูกสบายท้องกัน

พรีไบโอติกส์ สำหรับเด็ก สารอาหารสำคัญ ดีต่อสุขภาพลูกน้อย

พรีไบโอติกสำหรับเด็ก สารอาหารเสริมภูมิคุ้มกัน ดีต่อสุขภาพลูกน้อย

พรีไบโอติกส์ สำหรับเด็ก คือ ส่วนประกอบในอาหารที่สำคัญพรีไบโอติกส์เด็กมีอยู่ในอาหารหลายชนิด มีอะไรบ้าง ไปดูกัน

โพรไบโอติกส์ (Probiotics) จุลินทรีย์ที่พบได้ในนมแม่ มีประโยชน์กับลูก

โพรไบโอติกเด็ก (นมที่มี Probiotics) จุลินทรีย์ที่พบได้ในนมแม่

โพรไบโอติกเด็ก (นมที่มี Probiotics) จุลินทรีย์ที่พบได้ในนมแม่ ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้ลูกแข็งแรง ไม่ป่วยง่าย ส่งเสริมระบบทางเดินหายใจและระบบสมอง

ทารกอุจจาระมีมูก ลูกท้องเสียถ่ายมีมูกเลือด ปกติไหม แบบไหนที่ต้องระวัง

ทารกอุจจาระมีมูก ลูกท้องเสียถ่ายมีมูกเลือด แบบไหนที่ต้องระวัง

ทารกอุจจาระมีมูก ลูกท้องเสียถ่ายมีมูกเลือด เป็นอย่างไร ลูกมีอุจจาระสีเหลืองทารก อาการแบบนี้ปกติไหม อาการร่วมแบบไหนที่คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ต้องระวัง

ทารกอุจจาระเป็นเม็ดมะเขือ อุจจาระเป็นเม็ด พร้อมวิธีป้องกัน

ทารกอุจจาระเป็นเม็ดมะเขือ พร้อมวิธีป้องกันเมื่อทารกอุจจาระเป็นเม็ด

ทารกอุจจาระเป็นเม็ดมะเขือ บ่งบอกถึงอาการท้องผูกในเด็ก หากลูกมีอาการถ่ายเหลวและมีไข้ แสดงว่าลูกน้อยมีความผิดปกติของลำไส้ แม่ควรรู้อะไรบ้าง ไปดูกัน

ลูกอ้วก ไม่มีไข้ ท้องเสีย เกิดจากอะไร คุณพ่อคุณแม่ รับมืออย่างไรดี

ลูกอ้วกไม่มีไข้ท้องเสีย เกิดจากอะไร คุณพ่อคุณแม่ รับมืออย่างไรดี

ลูกอ้วกไม่มีไข้ท้องเสีย เกิดจากอะไร บางครั้งลูกอ้วกท้องเสียมีไข้และอาเจียน อาการแบบนี้ เกิดจากสาเหตุอะไรได้บ้าง สัญญาณแบบไหนที่คุณพ่อคุณแม่ควรรู้

ลูกปวดท้องตรงสะดือเป็น ๆ หาย ๆ เกิดจากอะไร พร้อมวิธีดูแลทารกปวดท้อง

ลูกปวดท้องตรงสะดือเป็น ๆ หาย ๆ เกิดจากอะไร พร้อมวิธีดูแลลูกน้อย

ลูกปวดท้องตรงสะดือแบบเป็น ๆ หาย ๆ เกิดจากอะไร อาการแบบนี้อันตรายไหม เมื่อลูกปวดท้องตรงสะดือเป็น ๆ หาย ๆ ไปดูสาเหตุและวิธีดูแลลูกที่ถูกต้องกัน

เลือกระยะการตั้งครรภ์และพัฒนาการเด็ก