วิธีดูแลรอยแผลผ่าคลอดสวย ให้รอยแผลผ่าคลอดเรียบเนียน ไม่นูนแดง

วิธีดูแลรอยแผลผ่าคลอดสวย ให้แผลผ่าคลอดสวยเรียบเนียน

21.08.2024

สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ที่จำเป็นต้อง  คลอดด้วยวิธีผ่าคลอดนั้น นอกจากความกังวลเรื่องความเจ็บปวดแล้ว เชื่อว่าคุณแม่หลายท่านจะต้องมีความวิตกกังวลในเรื่องรอยแผลผ่าคลอดร่วมด้วยอย่างแน่นอน เพราะเรื่องความสวยความงามกับผู้หญิงเป็นของคู่กัน ดังนั้นคุณแม่จึงควรศึกษาวิธีการดูแลรอยแผลผ่าคลอดอย่างถูกวิธี เพื่อให้รอยแผลผ่าคลอดสวย และเรียบเนียน มีรอยแผลเป็นน้อยที่สุด ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้คุณแม่กลับมาใส่เสื้อผ้าได้อย่างสวยงามเหมือนเดิมอีกครั้ง

headphones

PLAYING: วิธีดูแลรอยแผลผ่าคลอดสวย ให้แผลผ่าคลอดสวยเรียบเนียน

อ่าน 5 นาที

สรุป

  • รอยแผลผ่าคลอดจะมี 2 แบบ คือ แนวกลางลำตัว (Vertical incision) และแนวขวาง (Transverse incision) ซึ่งคุณหมอจะประเมินตามความเหมาะสม โดยนิยมทำการผ่าคลอดแนวขวาง เนื่องจากแผลจะมีความสวยงามและแข็งแรงมากกว่า
  • การดูแลแผลผ่าคลอดให้สวยและหายไว คุณแม่ต้องหลีกเลี่ยงการโดนน้ำ งดการยกของหนัก รักษาความสะอาด และหมั่นทาครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมของวิตามินอีอย่างสม่ำเสมอ เพื่อช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวบริเวณดังกล่าว
  • หากเกิดรอยแผลเป็นผ่าคลอด ทั้งในรูปแบบนูนใหญ่หรือแผลเป็นคีลอยด์ คุณแม่สามารถเลือกใช้ Silicone gel ในรูปแบบแผ่นแปะปิดทับแผลผ่าคลอด หรือรักษาโดยใช้เลเซอร์ ซึ่งจะช่วยสร้างคอลลาเจน กระตุ้นการผลัดเซลล์บริเวณรอยแผลเป็น ทำให้รอยแผลเป็นดีขึ้นได้

 

เลือกอ่านตามหัวข้อ

 

รอยแผลผ่าคลอดสวย มีลักษณะอย่างไร

การผ่าคลอด จะมีแนวทางการผ่า 2 แบบ คือ ผ่าแนวกลางลำตัว (Vertical incision) และแนวขวาง (Transverse incision) ซึ่งมีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันไป โดยส่วนใหญ่คุณหมอจะนิยมทำการผ่าคลอดแนวขวาง เนื่องจากแผลผ่าคลอดจะมีความสวยงามและแข็งแรงมากกว่า แต่หากประเมินแล้วว่ามีความจำเป็น เนื่องด้วยทารกมีความเสี่ยงต้องนำออกจากครรภ์อย่างรวดเร็ว หรือมีพังผืดในช่องท้องค่อนข้างมาก

 

คุณหมอจะเลือกผ่าแนวกลางลำตัว ซึ่งรอยแผลผ่าคลอดตามปกติและสวยงาม จะเป็นรอยแผลยาวประมาณ 4-6 นิ้ว ตามแนวขอบกางเกงชั้นในหรือหากเป็นแนวตั้งใต้สะดือลงมา โดยต้องไม่เป็นรอยแผลเป็นนูน หรือ คีลอยด์ รวมถึงไม่เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น การติดเชื้อ บวมแดง มีหนองไหลออกมาจากแผล เป็นต้น

 

รอยแผลผ่าคลอดที่โตนูน มีอะไรบ้าง  

1. แผลผ่าคลอดที่เป็นคีลอยด์ หรือนูนใหญ่

ลักษณะรอยแผลเป็นประเภทหนึ่ง ที่มีลักษณะแผลนูนขนาดใหญ่เกินจากรอยแผลผ่าคลอด อาจมีสีคล้ำ แดง และมีอาการคัน หรือตึงรั้งร่วมด้วย ซึ่งทำให้แผลไม่สวยงาม แต่ไม่ได้เกิดอันตรายใด ๆ

 

2. แผลผ่าคลอดที่เป็นรอยแดง

ลักษณะรอยแผลเป็นที่นูนแดง แต่ไม่เกินจากรอยแผลผ่าคลอดมากนัก ซึ่งจะมีอาการคัน รอยแผลเป็นสีแดง และนูนเล็กน้อย ส่วนใหญ่เกิดจากบริเวณรอยแผลมีลักษณะตึงมาก โดยทั่วไปภายหลัง 6 เดือน รอยแผลเป็นนูนแดงจะค่อย ๆ ดีขึ้น และกลับสู่ปกติเมื่อครบ 1 ปี หลังผ่าคลอด

 

วิธีดูแลแผลผ่าคลอดสวย ให้รอยแผลผ่าคลอดเรียบเนียน

โดยทั่วไปแผลผ่าคลอดบริเวณผิวหนังชั้นนอกจะสมานตัวภายใน 1 สัปดาห์ และผิวหนังชั้นในจะสมานตัวได้มากขึ้น ภายใน 2-4 สัปดาห์ ซึ่งคุณแม่สามารถดูแลรอยแผลผ่าคลอดให้แผลผ่าคลอดสวย  รวมถึงสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงด้วยวิธีการ ดังนี้

  • หลีกเลี่ยงการโดนน้ำที่แผลผ่าคลอด ก่อนแผลจะแห้งสนิท   เพราะอาจทำให้เกิดการติดเชื้อ อักเสบ และแผลหายช้าขึ้น รวมถึงอย่าแกะหรือเกาแผล เพราะจะทำให้แผลมีสีเข้มขึ้นได้
  • การดูแลรักษาความสะอาดหลังจากตัดไหม คุณแม่ควรทำความสะอาดแผลทุกครั้งหลังอาบน้ำ ประมาณ 2-3 ครั้งต่อวัน โดยการเช็ดด้วยน้ำเกลือและซับให้แห้ง
  • งดการยกของหนัก หลีกเลี่ยงสิ่งที่คุณแม่ไม่ควรทำหลังผ่าคลอด  โดยเฉพาะกิจกรรมที่ทำให้กล้ามเนื้อหน้าท้องเกร็ง เพราะเมื่อแผลตึง ร่างกายจะสร้างผิวหนังบริเวณนั้นให้หนาขึ้น ซึ่งอาจเป็นรอยนูนหรือคีลอยด์ได้
  • ใช้ผ้ารัดพยุงท้องช่วยพยุงกล้ามเนื้อบริเวณท้อง ช่วยลดการกดทับจากผิวหนังที่หย่อนคล้อย ลดความเจ็บจากแผลลงได้
  • รับประทานอาหารที่สะอาด มีประโยชน์ ครบทั้ง 5 หมู่ โดยเน้นสารอาหารโปรตีน เพื่อช่วยซ่อมแซมร่างกายให้แผลหายไวมากขึ้น
  • ทาครีมบำรุงผิวอย่างสม่ำเสมอ โดยใช้ผลิตภัณฑ์ตามคำแนะนำของแพทย์ ให้ผิวหนังมีความชุ่มชื้นมากขึ้น ทำให้รอยแผลจางลงและนุ่มขึ้น
  • ขยับตัวหลังคลอด คุณแม่สามารถขยับตัวได้บ้างตั้งแต่วันแรกหลังผ่าคลอด โดยอยู่ภายใต้คำแนะนำของคุณหมอ เพื่อช่วยป้องกันไม่ให้แผลผ่าคลอดด้านในเกิดพังผืดยึดกับอวัยวะต่าง ๆ
  • การพักผ่อนที่ดีและมีคุณภาพ ช่วยทำให้ร่างกายฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว และทำให้แผลผ่าคลอดหายไวมากขึ้น

 

ไม่อยากให้รอยแผลผ่าคลอดนูน ทำยังไงได้บ้าง

 

ไม่อยากให้รอยแผลผ่าคลอดนูน ทำยังไงได้บ้าง

หากแผลผ่าคลอดของคุณแม่เกิดการตึงมากขึ้น ร่างกายจะเรียนรู้ในการสร้างเนื้อเยื่อและคอลลาเจนบริเวณรอยแผลให้หนาขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้แผลฉีกขาดได้ ซึ่งหากร่างกายสร้างมากเกินไปจะส่งผลให้เกิดรอยแผลเป็นที่เป็นลักษณะรอยนูน หรือทำให้แผลผ่าคลอดเป็นคีลอยด์ได้

 

ดังนั้นเมื่อแผลผ่าคลอดแห้งดีแล้ว คุณแม่สามารถเลือกใช้ ผลิตภัณฑ์สำหรับดูแลผิวตามที่แพทย์แนะนำ   ทำให้แผลเกิดความชุ่มชื้น ช่วยในการสร้างเซลล์ผิว และป้องกันไม่ให้เซลล์ขยายยืดตัวขึ้น

 

ครีมทาแผลผ่าคลอดแบบไหน ที่คุณแม่ทาได้

เมื่อแผลผ่าคลอดเริ่มแห้งและปิดสนิทดีแล้ว คุณแม่สามารถหาครีมทารอยแผลผ่าคลอดได้ตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นลดการอักเสบ รวมถึงช่วยในการป้องกันไม่ให้เกิดแผลเป็นนูนหรือแผลเป็นคีลอยด์ได้

 

อยากให้แผลผ่าคลอดสวย เลเซอร์ลดรอยแผลได้ไหม

แผลเป็นประเภทรอยนูน หรือคีลอยด์ สามารถรักษาได้หลากหลายวิธี ซึ่งการใช้เลเซอร์ในการรักษารอยแผลเป็นจากการผ่าคลอด ก็เป็นวิธีหนึ่งที่เห็นผล โดยใช้เลเซอร์บางชนิด ซึ่งจะช่วยสร้างคอลลาเจน กระตุ้นการผลัดเซลล์บริเวณรอยแผลเป็น ทำให้สีจางลง ผิวเรียบเนียนมากขึ้น ลดความนูนของแผลเป็น เพื่อให้ผิวหนังบริเวณดังกล่าวของคุณแม่กลับมาเรียบเนียนสวยงาม เพิ่มความมั่นใจให้กับคุณแม่อีกครั้ง

 

รอยผ่าคลอดจากการผ่าคลอดจะหายไวขึ้น หากคุณแม่ปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงระมัดระวังไม่ให้รอยแผลผ่าคลอดโดนน้ำในช่วงแรกหลังคลอด หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่จะส่งผลต่อการเกร็งกล้ามเนื้อบริเวณดังกล่าว และทาครีมบำรุงตามที่แพทย์แนะนำอย่างสม่ำเสมอให้ผิวชุ่มชื้น นอกจากนี้คุณแม่ต้องรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และถูกต้องตามหลักโภชนาการ รวมถึงการพักผ่อนให้เพียงพอ ก็จะทำให้รอยแผลผ่าคลอดฟื้นตัวไว และกลับสู่ภาวะปกติได้เร็วขึ้นอีกด้วย

 

บทความแนะนำสำหรับคุณแม่ผ่าคลอด

 

 

อ้างอิง:

  1. 8 เคล็ดลับดูแลแผลผ่าคลอดให้แผลสวย หายไว ฟื้นตัวเร็ว, โรงพยาบาลวิมุต
  2. บอกลา แผลคีลอยด์ โดยไม่ทิ้งร่องรอยของความเจ็บปวด, โรงพยาบาลพญาไท
  3. วิธีการผ่าท้องทำคลอดแบบอิงหลักฐานเชิงประจักษ์, ภาควิชาสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
  4. แผลผ่าคลอด ควรดูแลอย่างไร, Pobpad
  5. แผลเป็น แผลคีลอยด์ หายได้ด้วยเลเซอร์, โรงพยาบาลพญาไท
  6. แผลเป็น, คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล

อ้างอิง ณ วันที่ 2 กรกฎาคม 2567
 

บทความแนะนำ

การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ พร้อมวิธีให้นมลูกและการเก็บน้ำนม

การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ พร้อมวิธีให้นมลูกที่ถูกต้อง

การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ คุณแม่ควรให้นมลูกตั้งแต่แรก 6 เดือนแรก เพราะน้ำนมแม่คือวัคซีนเข็มแรกที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันลูก ไปดูเทคนิคการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่กัน

น้ำนมส่วนหน้าและน้ำส่วนหลัง แตกต่างกันอย่างไร เรื่องน้ำนมที่แม่ต้องรู้

น้ำนมส่วนหน้าและน้ำนมส่วนหลังต่างกันอย่างไร เรื่องน้ำนมที่แม่ต้องรู้

นมส่วนหน้าและนมส่วนหลังต่างกันอย่างไร น้ำนมของคุณแม่หลังคลอดมีทั้งหมดกี่ระยะ น้ำนมส่วนหน้าและน้ำนมส่วนหลัง มีประโยชน์กับลูกน้อยอย่างไร ไปดูกัน

ท่อน้ำนมอุดตัน ท่อน้ำนมตัน ปัญหาคุณแม่หลังคลอด ที่คุณแม่แก้ไขได้

ท่อน้ำนมอุดตัน ท่อน้ำนมตัน ปัญหาคุณแม่หลังคลอด ที่คุณแม่แก้ไขได้

ท่อน้ำนมอุดตัน ท่อน้ำนมตัน เกิดจากอะไร คุณแม่ควรทำอย่างไร เมื่อน้ำนมส่วนหน้าอุดตันไม่ไหล ไปดูสาเหตุและอาการของท่อน้ำนมอุดตัน พร้อมวิธีแก้ไข

วิธีกู้น้ำนม เมื่อคุณแม่น้ำนมไม่ไหล น้ำนมหด พร้อมวิธีเพิ่มน้ำนม

วิธีกู้น้ำนม เมื่อคุณแม่น้ำนมไม่ไหล น้ำนมหด พร้อมวิธีเพิ่มน้ำนม

คุณแม่น้ำนมหด น้ำนมน้อย น้ำนมไม่ไหล เกิดจากอะไร ควรกู้น้ำนมแบบไหนถึงดีที่สุด ไปดูวิธีกู้น้ำนมแม่ที่ถูกต้อง เมื่อคุณแม่น้ำนมไม่พอ พร้อมวิธีเพิ่มน้ำนม

เลือกระยะการตั้งครรภ์และพัฒนาการเด็ก