น้ำนมส่วนหน้าและน้ำส่วนหลัง แตกต่างกันอย่างไร เรื่องน้ำนมที่แม่ต้องรู้

น้ำนมส่วนหน้าและน้ำนมส่วนหลังต่างกันยังไง เรื่องน้ำนมที่แม่ต้องรู้

17.02.2024

น้ำนมแม่มีความสำคัญกับทารก เพราะอุดมไปด้วยสารอาหาร ช่วยในการเจริญเติบโต เสริมสร้างภูมิต้านทานให้ลูกน้อยแข็งแรง โดยน้ำนมส่วนหน้า และน้ำนมส่วนหลัง ต่างก็มีประโยชน์ และมีความสำคัญ คุณแม่จึงควรให้ลูกกินนมจนเกลี้ยงเต้า หรือปั๊มนมให้หมด เพื่อให้ลูกได้รับสารอาหารครบถ้วนในทุก ๆ มื้อ

headphones

PLAYING: น้ำนมส่วนหน้าและน้ำนมส่วนหลังต่างกันยังไง เรื่องน้ำนมที่แม่ต้องรู้

อ่าน 7 นาที

 

สรุป

  • นมแม่มีสารอาหารมากกว่า 200 ชนิด เช่น ดีเอชเอ วิตามิน แคลเซียม และสฟิงโกไมอีลิน ซึ่งช่วยในการพัฒนาสมอง สติปัญญา และการเจริญเติบโตของลูก
  • น้ำนมแม่มีประโยชน์ต่อสุขภาพทารก โดยเฉพาะ 6 เดือนแรกของชีวิต ที่ต้องได้รับน้ำนมแม่เพียงอย่างเดียวอย่างเพียงพอ
  • การให้ลูกเข้าเต้าดูดนมแม่ ยังมีประโยชน์ต่อคุณแม่ ช่วยลดความเสี่ยงของโรค เช่น โรคกระดูกพรุนและโรคมะเร็งเต้านม
  • น้ำนมส่วนหน้า น้ำนมส่วนหลัง มีประโยชน์ที่แตกต่างกัน ลูกควรได้รับทั้งน้ำนมส่วนหน้า ส่วนหลัง ในปริมาณที่เหมาะสม

 

เลือกอ่านตามหัวข้อ

 

ประโยชน์ของน้ำนมแม่มีอยู่มากมาย เป็นอาหารหลักสำหรับลูกน้อย 6 เดือนแรกแห่งชีวิต และควรให้นมแม่เสริมกับอาหารตามวัยที่ปลอดภัยตั้งแต่อายุ 6 เดือน จนถึง 2 ปีหรือนานกว่านั้นเพราะน้ำนมแม่เปรียบได้กับวัคซีนหยดแรก โดยองค์การอนามัยโลก (WHO) และยูนิเซฟ (UNICEF) แนะนำ ดังนี้

  1. ลูกควรได้รับนมแม่ทันทีหลังคลอดภายใน 1 ชั่วโมงแรก
  2. ลูกควรได้รับนมแม่เป็นอาหารหลักเพียงอย่างเดียวในช่วง 6 เดือนแรกของชีวิต
  3. หลังจากนั้น ลูกควรได้รับนมแม่ควบคู่กับอาหารตามวัยที่ปลอดภัย มีคุณค่าทางสารอาหารที่เหมาะสมกับวัย ได้จนถึง 2 ปีหรือนานกว่านั้น

 

ประโยชน์ของนมแม่ สุดยอดอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการเหมาะสมกับลูก

  • น้ำนมแม่ มีสารอาหารที่เหมาะสม มีองค์ประกอบทางโภชนาการที่ครบถ้วน มีสารต้านอนุมูลอิสระ วิตามินต่าง ๆ จุลินทรีย์ที่ดีต่อระบบต่าง ๆ ของร่างกาย
  • เสริมภูมิคุ้มกันโรคให้กับร่างกาย เสริมสร้างแอนติบอดี (Antibody) ต่อต้านอาการเจ็บป่วย เช่น ไข้หวัด การติดเชื้อจากแบคทีเรีย และไวรัสบางชนิด
  • ลดความเสี่ยงการเกิดโรค เช่น ลดความเสี่ยงการเกิดโรคภูมิแพ้ และลดการติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ
  • ช่วยพัฒนาสมอง โดยมีงานวิจัยพบว่า ทารกที่กินนมแม่มีพัฒนาการทางสมอง และเชาว์ปัญญาดี (IQ) นมแม่ยังช่วยให้พัฒนาการทางสมองและเซลล์สมบูรณ์
  • นมแม่ช่วยให้ทารกมีพัฒนาการทางร่างกาย มีกระดูกและกล้ามเนื้อที่แข็งแรง
  • ช่วยพัฒนาการมองเห็นของทารก
  • น้ำนมส่วนหน้า ส่วนหลัง ยังมีสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพ เช่น แอนตี้ออกซิแดนท์ (Antioxidant) และโกรทแฟคเตอร์ (Growth Factor) ที่ช่วยเรื่องการทำงานของระบบต่าง ๆ ได้แก่ การทำงานของระบบทางเดินลำไส้ ระบบประสาท ระบบฮอร์โมนที่ควบคุมการเจริญเติบโต รวมทั้งเส้นเลือด
  • ลดการเกิดปัญหาสุขภาพ เช่น ท้องเสีย ลำไส้อักเสบ
  • ช่วยให้ลูกมีระบบขับถ่ายที่ดี
  • การเข้าเต้าดูดนมแม่จากอก ดีต่อสุขภาพช่องปากและฟัน
  • ลดความเสี่ยงการเกิดโรคเมื่อเติบโตขึ้น เช่น โรคอ้วน โรคความดัน โรคเบาหวาน และโรคไขมันในเลือดสูง

 

น้ำนมแม่ มีประโยชน์กับแม่อย่างไร

นอกจากประโยชน์ที่ทารกได้รับจากการกินนมแม่ ตัวคุณแม่เองก็ยังได้รับสิ่งดี ๆ จากการให้นมลูกเช่นกัน ได้แก่

  • การให้นมแม่ช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน
  • ลดการเกิดมะเร็งเต้านมได้
  • คุณแม่ที่ให้นมลูกยังสามารถลดน้ำหนักได้ด้วย เพราะร่างกายของแม่ที่ผลิตน้ำนม ใช้พลังงานสูงเกือบ 500 กิโลแคลอรี จึงดึงพลังงานจากไขมันที่สะสมมาใช้ ทำให้รูปร่างดีขึ้น อาจกลับมามีสัดส่วนเทียบเท่ากับช่วงก่อนการตั้งครรภ์ได้เร็วขึ้น
  • ฮอร์โมนออกซิโทซิน (Oxytocin) ที่หลั่งออกมาตอนให้นมลูก จะช่วยให้มดลูกเข้าอู่ได้เร็วขึ้น ฮอร์โมนชนิดนี้ยังช่วยให้คุณแม่รู้สึกผ่อนคลาย บรรเทาภาวะซึมเศร้าหลังคลอด ตามชื่อที่เรียกกันว่า ฮอร์โมนแห่งความรัก คุณแม่จึงมีความสุข เกิดความรัก ความผูกพัน ทำให้สายสัมพันธ์แม่และลูกแน่นแฟ้น
  • มีผลการวิจัยว่า การให้นมลูกหลังคลอด ช่วยให้คุณแม่ลดความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็งเต้านมและมะเร็งรังไข่ได้ รวมถึงลดโอกาสการเกิดโรคระยะยาว เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด และโรคเบาหวาน

 

น้ำนมระยะหัวน้ำนม (Colostrums)

สารอาหารในน้ำนมแม่จะเปลี่ยนแปลงไปตามช่วงเวลาหลังคลอด ผ่านกระบวนการสร้างน้ำนม เกิดจากการหลั่งฮอร์โมนกระตุ้น โดยน้ำนมระยะที่ 1 เกิดขึ้นภายใน 1-3 วันแรก น้ำนมในระยะหัวน้ำนมจะมีสีออกเหลือง จึงมีอีกชื่อหนึ่งว่า น้ำนมเหลือง มีประโยชน์ดังนี้

  • น้ำนมส่วนหน้าจะมีแคโรทีนสูงกว่าน้ำนมส่วนหลัง
  • อุดมไปด้วยโปรตีนสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
  • มีเกลือแร่ วิตามิน รวมถึงสารอาหารที่จำเป็นสำหรับทารก
  • มีสารอาหารช่วยในการเจริญเติบโตทางสมองและการมองเห็น
  • ช่วยขับขี้เทาของทารก

 

ระยะน้ำนมปรับเปลี่ยน (Transitional milk)

น้ำนมระยะ 2 หรือ Transitional milk จะเกิดขึ้นในช่วง 5 วัน จนถึงประมาณ 2 สัปดาห์แรกหลังคลอด โดยสีของน้ำนมจะเปลี่ยนจากสีเหลืองเป็นสีขาวขุ่น สารอาหารที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ ไขมันและน้ำตาล ดีต่อการเจริญเติบโตของร่างกายทารก

 

ระยะน้ำนมแม่ (Mature milk)

น้ำนมระยะที่ 3 ร่างกายของคุณแม่จะผลิตขึ้นหลัง 2 สัปดาห์แรก คุณแม่จะสังเกตได้ว่า น้ำนมแม่มีปริมาณมากขึ้น ประโยชน์ของน้ำนม ยังประกอบด้วยสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโต เช่น

  • โปรตีนในน้ำนมมีส่วนช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรคบางชนิด
  • น้ำนมระยะที่ 3 ช่วยเพิ่มภูมิต้านทาน และมีเอนไซม์ทำลายผนังเซลล์ของแบคทีเรียได้
  • กรดไขมันในน้ำนมแม่ เช่น DHA (Docosahexaenoic Acid) และ AA (Arachidonic Acid) จะช่วยพัฒนาระบบประสาท รวมถึงการมองเห็นได้ด้วย
  • มีน้ำตาลแลคโตส ภายในนมแม่มีโอลิโกแซคคาไรด์หรือคาร์โบไฮเดรตสายสั้น (Human Milk Oligosaccharides หรือ HMOs) กว่า 200 ชนิด สำคัญต่อร่างกายของลูก ดีต่อการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์และแบคทีเรียที่สร้างระบบภูมิคุ้มกัน
  • มีวิตามิน ได้แก่ A, B1, B2, B6, B12, C, D, E และ K อีกทั้งมีแร่ธาตุจำพวก เหล็ก แคลเซียม และไอโอดีน ซึ่งมีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตของทารก

 

น้ำนมส่วนหน้า (Foremilk)

  • น้ำนมส่วนหน้า (Foremilk) เป็นน้ำนมแม่ที่ลูกได้รับในการดูดนมจากเต้านมในช่วงต้น ๆ ลักษณะของน้ำนมส่วนหน้าจะเหลวและใสกว่า มีไขมันน้อย แต่มีน้ำตาลแลคโตสมากกว่าจึงช่วยพัฒนาการสมองและระบบประสาท อีกทั้งยังช่วยในการดูดซึมแคลเซียม ธาตุเหล็ก และโอลิโกแซคคาไรด์ ช่วยให้จุลินทรีย์ชนิดดีเติบโตเพื่อต่อสู้กับจุลินทรีย์ก่อโรค

 

น้ำนมส่วนหลัง (Hindmilk)

  • น้ำนมส่วนหลัง (Hindmilk) จะเป็นน้ำนมที่ได้รับในช่วงท้าย ๆ ลักษณะของน้ำนมส่วนหลังจะข้นกว่า จากการศึกษาพบกว่า มีปริมาณไขมันมากกว่าน้ำนมส่วนหน้าประมาณ 1.5-3 เท่า ซึ่งไขมันในน้ำนมส่วนหลังจะถูกใช้เป็นแหล่งพลังงานหลักในการเจริญเติบโตของร่างกายทารก

 

สำหรับน้ำนมส่วนหน้าและน้ำนมส่วนหลัง เมื่อถูกผลิตภายในต่อมน้ำนมจะไหลผ่านท่อน้ำนมออกมาทางหัวนม การไหลของน้ำนมส่วนหน้า ส่วนหลังไม่มีระยะเวลาที่ชัดเจน แต่การแบ่งส่วนของน้ำนมส่วนหน้า ส่วนหลัง จะมีไขมันค่อย ๆ เพิ่มปริมาณมากขึ้นทีละนิดตลอดการดูดนมของทารกหรือการปั๊มนม คุณแม่จึงไม่ต้องกังวล เพราะร่างกายจะสร้างน้ำนมส่วนหน้า ส่วนหลัง ให้สมดุลกับความต้องการของลูก

 

วิธีปั๊มนมแม่อย่างไรให้ได้นมส่วนหลัง

  • การปั๊มนมให้ได้นมส่วนหลังควรปั๊มให้เกลี้ยงเต้า
  • ปั๊มนมในช่วงเวลากลางวันทุก 3-4 ชั่วโมง และควรปั๊มนมในเวลากลางคืนเฉพาะตอนที่คุณแม่คัดเต้านม เพื่อให้นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ
  • ระยะเวลาในการปั๊มนมแต่ละครั้งจะอยู่ที่ 15-30 นาที จนสังเกตได้ว่าเต้านมนุ่ม แสดงว่าน้ำนมเกลี้ยงเต้าแล้ว เพื่อให้ได้น้ำนมส่วนหน้า ส่วนหลัง

 

น้ำนมแม่ มีสารอาหารสำคัญมากมาย ทารกในวัย 6 เดือนแรก ควรได้รับน้ำนมแม่ในปริมาณที่เพียงพอ ทั้งน้ำนมส่วนหน้า น้ำนมส่วนหลัง เพื่อให้ได้รับประโยชน์จากนมแม่อย่างเพียงพอ หากลูกเข้าเต้าอย่างถูกต้อง ไม่เอาลูกออกจากเต้าเร็วเกินไป ก็จะได้รับสารอาหารจากน้ำนมส่วนหน้า ส่วนหลัง หรือการปั๊มนมในแต่ละครั้ง ควรปั๊มนมให้เกลี้ยงเต้า เพียงเท่านี้ลูกก็จะได้รับสารอาหารสำคัญครบถ้วน

 

บทความแนะนำสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์

 

 

อ้างอิง:

  1. นมแม่แน่แค่หกเดือน จริงหรือ?, Unicef
  2. นมแม่ ประโยชน์คูณสอง ได้ทั้งแม่ ดีทั้งลูก, โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย
  3. “น้ำนมแม่” ประโยชน์แท้จากธรรมชาติ, กรมอนามัย
  4. รู้จักนมส่วนหน้าและส่วนหลัง กับประโยชน์ที่แตกต่าง, มูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย
  5. เคล็ดลับการบีบหรือปั๊มนมแม่ การเก็บรักษาน้ำนม, โรงพยาบาลศิครินทร์

อ้างอิง ณ วันที่ 7 มกราคม 2567

บทความแนะนำ

คุณแม่หลังคลอดมีไข้หนาวสั่น พร้อมวิธีดูแลตัวเองเมื่อมีไข้หลังคลอด

คุณแม่หลังคลอดมีไข้หนาวสั่น พร้อมวิธีดูแลตัวเองเมื่อมีไข้หลังคลอด

คุณแม่หลังคลอดมีไข้หนาวสั่น อาการแบบนี้ปกติหรือไม่ ไข้หลังคลอดของคุณแม่ เกิดจากสาเหตุอะไรได้บ้าง คุณแม่หลังคลอดมีไข้หนาวสั่น ควรดูแลร่างกายตัวเองอย่างไร

เด็กขาโก่ง จำเป็นต้องดัดขาลูกไหม ลูกขาโก่งดูยังไง

เด็กขาโก่ง จำเป็นต้องดัดขาลูกไหม ลูกขาโก่งดูยังไง

เด็กขาโก่ง เกิดจากอะไร ภาวะขาโก่งในเด็ก อันตรายไหม ลูกน้อยขาโก่ง คุณแม่ต้องดัดขาลูกทุกวันหรือเปล่า ลูกขาโก่งดูยังไง ไปดูวิธีสังเกตเด็กขาโก่งและวิธีแก้ไขกัน

แผลฝีเย็บไม่ติดกัน แผลสมานไม่สนิท เกิดจากอะไร

แผลฝีเย็บไม่ติดกัน แผลสมานไม่สนิท เกิดจากอะไร

แผลฝีเย็บไม่ติดกัน เกิดจากอะไรได้บ้าง คุณแม่แผลเย็บหลังคลอดไม่ติด แผลจะอักเสบไหม อันตรายกับคุณแม่หลังคลอดหรือเปล่า พร้อมวิธีดูแลแผลฝีเย็บไม่ติดกัน

Overfeeding คืออะไร ให้ลูกกินนมเยอะเกินไป อันตรายแค่ไหน

Overfeeding คืออะไร ให้ลูกกินนมเยอะเกินไป อันตรายแค่ไหน

Overfeeding คืออะไร คุณแม่ให้ลูกกินนมเยอะเกินไป จะเป็นอันตรายกับลูกน้อยไหม ลูกน้อยจะมีอาการอย่างไร เมื่อให้นมลูกเยอะเกิน พร้อมวิธีให้นมลูกน้อยที่ถูกต้อง

ประจำเดือนหลังคลอดจะเริ่มมาเมื่อไหร่ ประจำเดือนหลังคลอดมากี่วัน

ประจำเดือนหลังคลอดจะเริ่มมาเมื่อไหร่ ประจำเดือนหลังคลอดมากี่วัน

ประจำเดือนหลังคลอดจะกลับมาตอนไหน ประจําเดือนหลังคลอดมากี่วัน แบบไหนเรียกผิดปกติ คุณแม่หลังคลอดดูแลตัวเองยังไงให้ร่างกายกลับมาปกติเร็วที่สุด

แม่หลังคลอดกินผลไม้อะไรได้บ้าง ผลไม้ชนิดไหนช่วยฟื้นฟูร่างกาย ดีต่อสุขภาพ

แม่หลังคลอดกินผลไม้อะไรได้บ้าง ผลไม้ชนิดไหนช่วยฟื้นฟูร่างกาย

แม่หลังคลอดกินผลไม้อะไรได้บ้าง ผลไม้ชนิดไหนช่วยให้ร่างกายของคุณแม่แข็งแรงและกระตุ้นน้ำนมให้ไหลดี มีคุณภาพ ช่วยให้สารอาหารส่งถึงลูกโดยตรง ไปดูกัน

ไขบนหัวทารก เกิดจากอะไร คุณแม่ดูแลไขที่หัวทารกได้อย่างไรบ้าง

ไขบนหัวทารก เกิดจากอะไร คุณแม่ดูแลไขที่หัวทารกได้อย่างไรบ้าง

ไขบนหัวทารก เกิดจากสาเหตุอะไร ไขที่หัวทารกอันตรายไหมกับลูกน้อยไหม ไขที่หัวทารกกี่วันถึงหายไป ต้องพาลูกน้อยไปพบแพทย์ไหม พร้อมวิธีดูแลและทำความสะอาดไขบนหัวลูก

เลือกระยะการตั้งครรภ์และพัฒนาการเด็ก