การผ่าคลอดและคลอดธรรมชาติ ต่างกันยังไง พร้อมขั้นตอนเตรียมผ่าคลอด

การผ่าคลอดกับคลอดเองต่างกันยังไง พร้อมข้อดีข้อเสีย

03.03.2021

การตัดสินใจเข้ารับการผ่าคลอดสำหรับคุณแม่มือใหม่ถือเป็นทางเลือกตัดสินใจครั้งสำคัญ แม้ว่าการคลอดทางช่องคลอดแบบธรรมชาติจะเป็นวิธีการคลอดที่ดีเป็นธรรมชาติที่สุด แต่ก็มีหลายสาเหตุที่คุณหมออาจจำเป็นต้องผ่าคลอด  หรือที่เรียกว่า C-section (Cesarean Section) ซึ่งการผ่าคลอดจะนำลูกน้อยออกมาผ่านการผ่าหน้าท้องและมดลูกของคุณแม่ ฟังดูน่ากลัวแต่มีข้อดีอยู่ด้วย บทความนี้นำเสนอความรู้เพื่อให้การเลือกของคุณแม่เป็นไปด้วยความสบายใจ

headphones

PLAYING: การผ่าคลอดกับคลอดเองต่างกันยังไง พร้อมข้อดีข้อเสีย

อ่าน 7 นาที

 

สรุป

  • การผ่าคลอดมี 2 ประเภท การผ่าตัดแผลในแนวนอนต่ำ บริเวณหน้าท้อง จากนั้นจึงตัดเปิดมดลูกในแนวนอนส่วนล่าง และการผ่าตัดมดลูกแบบตั้ง ซึ่งแบบหลังจะเกิดกรณีที่มีการคลอดก่อนกำหนด และอาจมีอาการแทรกซ้อนมากกว่า
  • การผ่าคลอดอาจมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการคลอดโดยธรรมชาติ แต่ว่ามีข้อดีคือคุณแม่ได้รับการช่วยจัดการกับความเจ็บปวด ลดความกดดันให้กับคุณแม่ อย่างไรก็ตาม ด้วยความเสี่ยงทางสุขภาพและอาการแทรกซ้อนต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นได้ ควรศึกษาและสอบถามคุณหมออย่างละเอียดเพื่อทำการตัดสินใจอีกครั้ง

 

เลือกอ่านตามหัวข้อ

 

การผ่าคลอด คืออะไร

การผ่าคลอดหรือ C-section คือการทำการผ่าตัดเพื่อนำลูกน้อยในครรภ์ออกมาผ่านการผ่าผนังท้องและมดลูกของคุณแม่ การผ่าผนังท้องจะทำบริเวณด้านล่างของท้องแบบตัดขวาง การผ่าคลอดเป็นการผ่าตัดที่ซับซ้อนซึ่งมีความเสี่ยงต่าง ๆ ดังนั้นวิธีนี้คุณหมอจะเห็นด้วยเมื่อมั่นใจว่าเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับคุณแม่และลูกน้อย การขอผ่าคลอดบางครั้งอาจเกิดจากเหตุผลที่ไม่เกี่ยวกับสุขภาพ หากคุณแม่ขอการผ่าคลอดโดยไม่มีเหตุผลทางการแพทย์  คุณหมอจะอธิบายประโยชน์ทั้งหมดและความเสี่ยงทั้งหมดของการผ่าคลอดเทียบกับการคลอดทางช่องคลอด

 

หากคุณแม่รู้สึกกังวลเกี่ยวกับการคลอดลูกธรรมชาติทางช่องคลอด คุณแม่ควรนัดพูดคุยเกี่ยวกับความกังวลใจกับคุณหมอหรือเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ คุณแม่อาจได้รับการเสนอแผนการผ่าคลอดขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของคุณหมอ

 

แผลผ่าคลอด จะมีลักษณะอย่างไร

การผ่าคลอด แผลที่มดลูกเย็บไว้ด้วยไหมละลาย ส่วนแผลบนผิวหนังจะถูกเย็บด้วยเครื่องเย็บผิวหนัง (Skin Stapler) หรือเข็มและไหมเย็บแผล หรือปิดแผลด้วยกาวที่ใช้สำหรับแผลผ่าตัดที่ไม่หลุดเมื่อโดนน้ำ

 

ผ่าคลอดเจ็บไหม ต้องบล็อกหลังหรือเปล่า

การผ่าคลอด ทำได้ 2 วิธี คือการดมยาสลบและการบล็อกหลังผ่าคลอด ทำให้คุณแม่ไม่เจ็บระหว่างการผ่าตัด เพราะคุณแม่จะได้รับการใช้ยาชาบริเวณด้านล่างของร่างกาย หรือมีการใช้ยาสลบเพื่อให้หลับสนิท คุณแม่จะไม่รู้สึกถึงการผ่าหรือการตรวจต่าง ๆ และตอนที่นำลูกน้อยออกมา อย่างไรก็ตามหลังการผ่าตัด อาจเจ็บและไม่สบายในส่วนท้องของคุณแม่ได้

 

คุณแม่ผ่าคลอดได้กี่ครั้ง

คุณแม่ผ่าคลอดได้กี่ครั้ง คำตอบไม่ชัดเจน เพราะว่าคุณแม่แต่ละคนมีความเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อนที่แตกต่างกัน คุณหมอและผู้เชี่ยวชาญจำนวนหนึ่งกล่าวว่าไม่มีข้อจำกัดในจำนวนครั้ง ถ้าคุณแม่และลูกน้อยมีสุขภาพดี ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญหลาย ๆ คน กล่าวว่าการทำคลอดครั้งหลัง ๆ อาจจะใช้เวลานานขึ้น และเพิ่มความเสี่ยง เช่น เลือดออกมากเกินไป การติดเชื้อ หรือการบาดเจ็บต่ออวัยวะภายใน

 

การคลอดธรรมชาติ เป็นอย่างไร

การคลอดลูกธรรมชาติหรือที่เรียกว่าการคลอดทางช่องคลอด เป็นกระบวนการที่ลูกน้อยจะถูกส่งผ่านช่องคลอดของคุณแม่ออกมาโดยไม่จำเป็นต้องได้รับการผ่าตัด

  • การคลอดจะเริ่มต้นได้เองตามกลไกตามธรรมชาติ
  • การเจ็บครรภ์เกิดขึ้นตามธรรมชาติ
  • ลูกน้อยจะสามารถคลอดออกมาเองโดยไม่ต้องใช้เครื่องมือ เช่น คีมหรือเครื่องดูดสุญญากาศ

 

คลอดเองกับผ่าคลอด ต่างกันอย่างไร

การคลอดแบบธรรมชาติ

การคลอดธรรมชาติ มีข้อดีหลายอย่างทั้งในด้านการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงและผลข้างเคียงจากยาช่วยคลอด และการลดความเสี่ยงจากการทำหัตถการอื่นๆ  ที่อาจจะต้องใช้เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยผ่านการเพิ่มขั้นตอนเข้ามา การคลอดแบบธรรมชาติ ให้ความอิสระในการเคลื่อนไหวและเปลี่ยนท่าในการคลอด ทำให้ระยะเวลาฟื้นตัวหลังคลอดเร็วขึ้น ให้ความรู้สึกสมบูรณ์แบบและตื้นตันในความเป็นแม่  นอกจากนี้ การคลอดแบบธรรมชาติยังอาจมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าการผ่าคลอด

ข้อดีของการคลอดธรรมชาติ

  • หลีกเลี่ยงความเสี่ยงและผลข้างเคียงจากยาคุมกำเนิด
  • ไม่ต้องใช้วิสัญญีแพทย์
  • การลดความเสี่ยงของการรักษาอื่น ๆ ที่อาจจำเป็นต้องเข้าไปแทรกแซงเพื่อความปลอดภัย
  • ให้อิสระในการเคลื่อนไหวและการเปลี่ยนตำแหน่งระหว่างการคลอดบุตร
  • ทำให้ระยะเวลาฟื้นตัวหลังคลอดเร็วขึ้น
  • รู้สึกสมบูรณ์และล้นหลามกับการเป็นแม่
  • ไม่มีข้อจำกัดในการเลือกสถานที่เกิด
  • อาจมีค่าใช้จ่ายถูกกว่าการผ่าตัดคลอด

 

ข้อเสียของการคลอดธรรมชาติ

  • ความเจ็บปวดอาจรุนแรงเกินไปสำหรับคุณแม่บางท่าน
  • การคลอดบุตรที่บ้าน อาจส่งผลให้มีการเข้าถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์ฉุกเฉินอย่างจำกัด ซึ่งอาจมีความสำคัญในกรณีที่เกิดภาวะแทรกซ้อนหรือเหตุฉุกเฉินขึ้นระหว่างคลอด
  • ความรู้สึกเหนื่อย วิตกกังวล หรือเครียดมากเกินไปอาจทำให้การคลอดยืดเยื้อ

 

การคลอดแบบผ่าคลอด

การผ่าคลอดช่วยป้องกันการติดเชื้อ ช่วยบรรเทาความเครียดของคุณแม่ โดยพึ่งพาประสิทธิภาพของยาแก้ปวดที่สามารถช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของคุณแม่ได้ การผ่าคลอด คุณแม่อาจได้รับความเสี่ยงในการบาดเจ็บของอวัยวะที่อยู่ใกล้เคียงได้ การมีเลือดออกมากเกินไป หรือการติดเชื้อ อาจเกิดอาการแทรกซ้อนและต้องมีการรักษาเพิ่มเติม เช่น รับการบริจาคเลือด หรือการผ่าตัดเพื่อช่วยชีวิตแม่ ผลข้างเคียงของการฉีดยาแก้ปวดอาจรวมถึงความดันโลหิตต่ำ ปวดหัว คลื่นไส้ หน้ามืด และปวดหลัง รวมถึงสามารถทำให้การคลอดยากขึ้นในบางกรณี คุณแม่จะขาดความเป็นอิสระในการเคลื่อนไหวและเปลี่ยนท่าในขณะคลอด อาจจำเป็นต้องใช้สายสวนปัสสาวะในการดูแลอาการ และอาจมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการคลอดธรรมชาติได้

ข้อดีของการผ่าคลอด

  • การผ่าคลอดช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นจากการผ่าคลอด เช่น การตกเลือด หรือการฉีกขาดของมดลูก ทําให้ทั้งคุณแม่และลูกน้อยปลอดภัยมากขึ้น
  • การผ่าคลอดการจํากัดการผ่าตัดให้กระทำด้วยคุณหมอเท่านั้น เท่ากับจะช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัด เช่น การติดเชื้อ หรือการตกเลือด
  • ช่วยให้คุณแม่ในกระบวนการคลอดไม่รู้สึกกดดันมาก
  • ช่วยให้คุณแม่ที่อยู่ในกระบวนการคลอดพักผ่อนและหลับหากต้องการได้
  • มีการให้ยาแก้ปวด สามารถบรรเทาความเจ็บปวดได้อย่างชัดเจนภายใน 10-20 นาทีหลังการใช้ยาแก้ปวด

 

ข้อเสียของการผ่าคลอด

  • ความเจ็บปวดอาจรุนแรงเกินไปสำหรับคุณแม่บางท่าน
  • การคลอดบุตรที่บ้านอาจส่งผลให้มีการเข้าถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์ฉุกเฉินอย่างจำกัด ซึ่งอาจมีความสำคัญในกรณีที่เกิดภาวะแทรกซ้อนหรือเหตุฉุกเฉินขึ้นระหว่างคลอด
  • ความรู้สึกเหนื่อย วิตกกังวล หรือเครียดมากเกินไปอาจทำให้การคลอดยืดเยื้อ

 

การผ่าคลอดกับคลอดเองต่างกันยังไง พร้อมข้อดีข้อเสีย

 

ข้อควรรู้ สำหรับคุณแม่ผ่าตัดคลอด

1. การผ่าตัดคลอดแบบตัดผ่านช่องคลอด (Lower segment caesarean section หรือ LSCS)

เป็นการผ่าตัดโดยการตัดแผลในแนวนอนต่ำ บริเวณหน้าท้อง จากนั้นจึงตัดเปิดมดลูกในแนวนอนส่วนล่าง เป็นวิธีที่ทําให้เสียเลือดน้อยที่สุดและมีภาวะแทรกซ้อนต่ำสำหรับตัวคุณแม่ รวมทั้งยังสามารถคลอดบุตรทางช่องคลอดได้ในการตั้งครรภ์ครั้งต่อไป

 

2. การผ่าตัดคลอดแบบคลาสสิก (Classical caesarean section)

เป็นการผ่าตัดโดยการตัดมดลูกในแนวตั้ง มักทําในกรณีที่คลอดก่อนกําหนดมาก วิธีนี้มีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนสูงกว่า และแนะนําให้มารดาผ่าตัดคลอดเลือกแบบ LSCS ในการตั้งครรภ์ครั้งต่อไป การผ่าตัดคลอดแบบคลาสสิกไม่ค่อยนิยมทําในปัจจุบัน

 

การเตรียมผ่าคลอดและขั้นตอนการผ่าคลอด

ขั้นตอนที่ 1: เตรียมพร้อม

ก่อนการผ่าคลอด คุณแม่จะต้องรับการตรวจสุขภาพ ต้องมีการเตรียมพร้อม เช่น ตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ หรือ ตรวจดูดวงตา และยังต้องงดอาหารเป็นเวลาหลายชั่วโมงก่อนการผ่าตัด รวมถึงทานยาเพื่อป้องกันการติดเชื้อและลดกรดในกระเพาะอาหาร คุณแม่จะต้องใช้สายยางเจาะเข้าเส้นเลือดเพื่อให้สารอาหารและยา และสายยางสำหรับระบายปัสสาวะ คุณหมอจะมีการอธิบายประเภทของยาสลบที่ใช้ให้คุณแม่ฟังด้วย

 

ขั้นตอนที่ 2: ระงับความรู้สึกและผ่าตัด

คุณแม่จะถูกพาเข้าห้องผ่าตัดและได้รับยา ไม่ว่าจะเป็นที่เฉพาะตำแหน่ง (ทำให้ส่วนล่างของร่างกายของคุณแม่ชา) หรือยาสลบทั่วไป (ที่ทำให้คุณแม่หลับ) หากคุณแม่ได้รับยาเฉพาะตำแหน่ง คุณแม่จะตื่นระหว่างการผ่าตัด อาจมีหน้าจอหรือผ้าม่านที่บังมุมมองของคุณแม่ในระหว่างคุณหมอทำงาน คุณพ่อหรือคนในครอบครัวที่จะให้กำลังใจอาจจะได้รับอนุญาตให้อยู่กับคุณแม่ได้ ช่วยทำให้อุ่นใจ การผ่านั้นคุณหมอจะทำการผ่าตัดบริเวณท้อง จากนั้นผ่ามดลูก เด็กจะถูกยกขึ้นผ่านออกมาทางช่องที่เปิด ตัดสายสะดือ ลูกน้อยของคุณแม่จะถูกตรวจสอบโดยคุณหมอกุมารเวชศาสตร์และจะถูกนำมาให้คุณแม่หรือคุณพ่อเพื่อให้ประคองกอด

 

ขั้นตอนที่ 3: เย็บปิดแผล

คุณหมอจะตรวจสอบเลือด และความเสียหายในมดลูกกับช่องท้องของคุณแม่ แผลที่เปิดจะถูกเย็บ คุณหมอจะย้ายคุณแม่ไปห้องฟื้นฟูที่จะมีการตรวจสอบหาอาการภาวะฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้น คุณแม่จะได้รับยาแก้ปวดและยาปฏิชีวนะเพื่อป้องกันการติดเชื้อ

 

การดูแลแผลผ่าคลอดให้หายเร็ว

การดูแลแผลผ่าคลอดให้แผลสวย คุณแม่ควรหมั่นทำความสะอาดแต่อย่าขัดถู ให้อากาศถ่ายเทบริเวณแผล พบคุณหมอตามนัด งดออกกำลังกายไปก่อนแต่ก็หมั่นเคลื่อนไหวอยู่เสมอเพราะจะช่วยให้แผลหายเร็วและไม่ทิ้งรอยแผลเป็น เมื่อช่องคลอดเริ่มฟื้นฟู หรือกลับสู่ขนาดเดิม เพราะมดลูกกำลังหดตัวช้า ๆ คุณแม่จะรู้สึกเจ็บปวดและชาในมดลูกและท้องได้มักจะเกิดขึ้นในช่วง 2-3 วันหลังคลอด และจะกลับสู่สภาวะปกติประมาณ 4-6 สัปดาห์แรก

  • ใช้ถุงประคบร้อนเพื่อให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น ทำให้มดลูกผ่อนคลาย
  • การแช่น้ำอุ่นเมื่อแผลแห้งแล้ว จะช่วยให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลาย
  • เมื่อปวด รับประทานยาแก้ปวดพาราเซตามอล
  • จัดท่านอนให้สบาย จะช่วยบรรเทาความเจ็บ อาจใช้หมอเพื่อจัดท่าทาง

 

สิ่งสำคัญสำหรับคุณแม่สำหรับการเตรียมผ่าคลอด คือต้องมีความเข้าใจอย่างครอบคลุมทั้งการผ่าตัดคลอดและการคลอดตามธรรมชาติ แต่ละวิธีมีข้อดีและข้อเสียในตัวเอง และจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องชั่งน้ำหนักตัวเลือกก่อนตัดสินใจ ควรคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ เช่น ประเภทของการผ่าตัดคลอด ระยะเวลาในการผ่าตัด และความถี่ที่จะทำการผ่าตัด การวางแผนไว้ล่วงหน้าทำให้สามารถปรึกษาคุณหมอก่อนได้ เพื่อความปลอดภัยของสุขภาพ และความสบายใจของคุณแม่

 

บทความแนะนำสำหรับคุณแม่มือใหม่

 

 

อ้างอิง:

  1. Caesarean section, NHS
  2. What is a natural birth?, BabyCentre
  3. The pros and cons of epidural vs. 'natural' childbirth, Parents
  4. The Truth About C-Sections, WebMD
  5. Caesarean Section, Patient
  6. Preparing for Cesarean Birth, UW MEDICINE
  7. การผ่าตัด Cesarean section, คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
  8. ปวดมดลูกหลังคลอด...อันตรายไหม อาการแบบไหนควรรีบพบแพทย์, โรงพยาบาลพญาไท
  9. How Many C-Sections Is 'Too Many'?, Parents
  10. How many caesareans can I safely have?, BabyCentre
  11. C-Section Scars: Types, Care and Healing, What To Expect

อ้างอิง ณ วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2567

บทความแนะนำ

คนท้องกินลองกองได้ไหม อันตรายกับลูกในท้องหรือเปล่า

คนท้องกินลองกองได้ไหม อันตรายกับลูกในท้องหรือเปล่า

คนท้องกินลองกองได้ไหม คุณแม่อยากกินลองกอง กินเยอะเสี่ยงเป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ไหม จะอันตรายกับลูกในท้องหรือเปล่า คนท้องอยากกินลองกอง กินเท่าไหร่ถึงพอดี

คนท้องกินส้มโอได้ไหม อันตรายกับลูกในท้องหรือเปล่า

คนท้องกินส้มโอได้ไหม อันตรายกับลูกในท้องหรือเปล่า

คนท้องกินส้มโอได้ไหม ในส้มโอมีสารอาหารอะไรที่ดีกับคนท้องบ้าง คนท้องกินส้มโอมากไป อันตรายกับลูกในท้องหรือเปล่า คุณแม่กินส้มโอได้บ่อยแค่ไหน ไปดูกัน

คนท้องมือชา เกิดจากอะไร อันตรายกับคุณแม่ตั้งครรภ์ไหม

คนท้องมือชา เกิดจากอะไร อันตรายกับคุณแม่ตั้งครรภ์ไหม

คนท้องมือชา เกิดจากอะไร อาการมือชาของคนท้องขณะตั้งครรภ์ บอกอะไรคุณแม่ได้บ้าง อาการมือช้า นิ้วชา แบบไหนเข้าข่ายอันตรายและควรไปพบแพทย์ พร้อมวิธีดูแลตัวเอง

คนท้องกินเผือกได้ไหม กินมากเกินไป อันตรายกับลูกในท้องหรือเปล่า

คนท้องกินเผือกได้ไหม กินมากเกินไป อันตรายกับลูกในท้องหรือเปล่า

คนท้องกินเผือกได้ไหม คุณแม่ท้องอยากกินเผือก เพื่อบำรุงสุขภาพครรภ์ เผือกดีกับลูกในท้องหรือเปล่า กินเท่าไหร่ถึงพอดีและปลอดภัยกับคุณแม่และลูกในครรภ์

คนท้องกินไข่เค็มได้ไหม กินมากเกินไป อันตรายกับลูกในท้องหรือเปล่า

คนท้องกินไข่เค็มได้ไหม กินมากเกินไป อันตรายกับลูกในท้องหรือเปล่า

คนท้องกินไข่เค็มได้ไหม คุณแม่ท้องอยากกินไข่เค็ม เพื่อบำรุงสุขภาพครรภ์ ไข่เค็มดีกับลูกในท้องหรือเปล่า กินเท่าไหร่ถึงพอดีและปลอดภัยกับคุณแม่และลูกในครรภ์

คนท้องกินขนมจีนได้ไหม เท่าไหร่ถึงพอดี อันตรายกับลูกในท้องหรือเปล่า

คนท้องกินขนมจีนได้ไหม เท่าไหร่ถึงพอดี อันตรายกับลูกในท้องหรือเปล่า

คนท้องกินขนมจีนได้ไหม คุณแม่ท้องอยากกินขนมจีน เพื่อบำรุงสุขภาพครรภ์ ขมมจีนดีกับลูกในท้องหรือเปล่า กินเท่าไหร่ถึงพอดีและปลอดภัยกับคุณแม่และลูกในครรภ์

คนท้องกินขนมปังได้ไหม เท่าไหร่ถึงพอดี อันตรายกับลูกในท้องหรือเปล่า

คนท้องกินขนมปังได้ไหม เท่าไหร่ถึงพอดี อันตรายกับลูกในท้องหรือเปล่า

คนท้องกินขนมปังได้ไหม คุณแม่ท้องอยากกินขนมปัง เพื่อบำรุงสุขภาพครรภ์ ขมมปังดีกับลูกในท้องหรือเปล่า กินเท่าไหร่ถึงพอดีและปลอดภัยกับคุณแม่และลูกในครรภ์