คนท้องคันปากช่องคลอด พร้อมวิธีดูแลอาการคันช่องคลอดขณะตั้งครรภ์

คนท้องคันปากช่องคลอด พร้อมวิธีดูแลอาการคันช่องคลอดขณะตั้งครรภ์

คนท้องคันปากช่องคลอด พร้อมวิธีดูแลอาการคันช่องคลอดขณะตั้งครรภ์

คุณแม่ตั้งครรภ์
บทความ
ม.ค. 30, 2025
6นาที

อาการคันช่องคลอดเป็นหนึ่งในปัญหาที่คุณแม่ตั้งครรภ์หลายคนพบเจอ ทำให้คุณแม่มีความกังวลว่า คนท้องคันปากช่องคลอดปกติไหม คนท้องคันช่องคลอดมีสาเหตุจากอะไร อาการคันช่องคลอดหายเองได้ไหม บทความนี้จะช่วยคลายสงสัยให้คุณแม่ พร้อมแนะนำวิธีการดูแลตนเอง และวิธีดูแลอาการคันช่องคลอดขณะตั้งครรภ์

สรุป

  • คนท้องคันช่องคลอดเกิดจาก ฮอร์โมนในร่างกายที่เปลี่ยนแปลงขณะตั้งครรภ์ ทำให้เกิดอาการระคายเคืองบริเวณช่องคลอด ซึ่งโดยทั่วไปไม่เป็นอันตราย
  • แต่หากอาการคันช่องคลอดไม่ได้เกิดจากการระคายเคือง แต่เป็นการติดเชื้อ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุการติดเชื้อ และรับการดูแลที่เหมาะกับชนิดเชื้อที่พบ
  • อาการคันปากช่องคลอดในคุณแม่ตั้งครรภ์อาจมาพร้อมกับอาการอื่น ๆ ซึ่งอาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคต่าง ๆ เช่น โรคสะเก็ดเงิน โรคมะเร็ง โรคผิวหนังอักเสบ และ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
  • เมื่อมีอาการคันช่องคลอด อาหารที่ไม่ควรรับประทานได้แก่ อาหารที่ก่อให้เกิดการแพ้ อาหารที่มีน้ำตาลสูง อาหารแปรรูป แป้งขัดขาว และแอลกอฮอล์

 

เลือกอ่านตามหัวข้อ

 

คนท้องคันช่องคลอด มีอาการอย่างไร

คนท้องคันช่องคลอด เกิดจากฮอร์โมนในร่างกายที่เปลี่ยนแปลงขณะตั้งครรภ์ ทำให้คุณแม่รู้สึกคันช่องคลอด โดยฮอร์โมนที่เพิ่มขึ้นนี้อาจทำให้ช่องคลอดเกิดการระคายเคืองได้ง่ายขึ้น หรือมีปริมาณมูกใสในช่องคลอดเพิ่มขึ้น ซึ่งถือเป็นอาการทั่วไป ไม่เป็นอันตราย อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนอาจส่งผลให้สภาวะภายในช่องคลอดเสียสมดุล เพิ่มความเสี่ยงติดเชื้อบริเวณช่องคลอด จึงทำให้คุณแม่เกิดอาการคันช่องคลอดได้

 

อาการคันปากช่องคลอด มีสาเหตุจากอะไร

อาการคันปากช่องคลอด เกิดได้จากหลายสาเหตุ โดยสามารถแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ คันปากช่องคลอดแบบติดเชื้อ และคันปากช่องคลอดแบบไม่ติดเชื้อ ดังนี้

1. คันปากช่องคลอดแบบติดเชื้อ

อาการคันช่องคลอดในคุณแม่ตั้งครรภ์มักเกิดจากการติดเชื้อ ซึ่งเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงของร่างกายในช่วงตั้งครรภ์ สาเหตุหลัก ๆ ของการติดเชื้อที่ทำให้คันช่องคลอด

 

2. ติดเชื้อแบคทีเรีย

ในช่วงตั้งครรภ์ แบคทีเรียที่อาศัยอยู่ในช่องคลอดอาจเติบโตขึ้นผิดปกติ ซึ่งหากเกิดสภาวะที่ไม่สมดุลระหว่างแบคทีเรียที่ดีและแบคทีเรียที่ไม่ดีภายในช่องคลอด ทำให้เกิดการติดเชื้อได้

 

3. ติดเชื้อรา

เมื่อการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนทำลายสมดุลค่า pH ในช่องคลอด ทำให้ความชื้นในช่องคลอดเพิ่มขึ้น เชื้อราจึงเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วและทำให้เกิดอาการคัน

 

4. ติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์บางชนิดสามารถทำให้เกิดอาการคันช่องคลอดได้ ซึ่งการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งก่อนและระหว่างตั้งครรภ์

 

5. ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ

เนื่องจากมดลูกขยายตัวในระหว่างตั้งครรภ์ ทำให้กระเพาะปัสสาวะถูกเบียด จึงอาจทำให้ปัสสาวะไม่สุด หรือปัสสาวะเล็ด ส่งผลให้เกิดการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะได้

 

คันปากช่องคลอดแบบไม่ติดเชื้อ

นอกจากอาการคันช่องคลอดจะเกิดจากการติดเชื้อแล้ว ยังอาจเกิดจากสาเหตุอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการติดเชื้อได้อีกด้วย โดยสาเหตุที่พบบ่อย ได้แก่

1. ภาวะน้ำดีคั่งระหว่างตั้งครรภ์

เป็นภาวะที่ตับและทางเดินน้ำดีทำงานผิดปกติ ซึ่งอาจเกิดได้ในช่วงท้ายของการตั้งครรภ์ แต่อย่างไรก็ตาม ยังไม่พบสาเหตุที่ชัดเจนของภาวะนี้

 

2. ช่องคลอดแห้ง

การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในระหว่างตั้งครรภ์อาจทำให้ช่องคลอดแห้งได้ ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดอาการคัน

 

3. การระคายเคืองจากสารเคมี

ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดส่วนตัวต่าง ๆ เช่น สบู่ น้ำหอม น้ำยาซักผ้า อาจทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวบอบบางในบริเวณช่องคลอดได้ง่ายว่าปกติ

 

4. ตกขาวมากเกินไป

ปริมาณตกขาวที่เพิ่มขึ้นในระหว่างตั้งครรภ์อาจทำให้เกิดการระคายเคืองและคันได้ หากตกขาวมีปริมาณมาก

 

อาการคันช่องคลอด เป็นสัญญาณของโรคอะไรบ้าง

อาการคันปากช่องคลอดในคุณแม่ตั้งครรภ์อาจมาพร้อมกับอาการอื่น ๆ เช่น ปากช่องคลอดบวมแดง ระคายเคือง หรืออาการตกขาวผิดปกติ เช่น สีเหลือง เป็นก้อน มีกลิ่น อาการเหล่านี้ อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพหลายอย่าง และเป็นสัญญาณเตือนของโรคต่าง ๆ ดังนี้

  • โรคสะเก็ดเงิน เป็นโรคผิวหนังที่เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติ ทำให้ผิวหนังมีผื่นแดงและสะเก็ดขาว อาการคันอาจเกิดขึ้นได้บริเวณช่องคลอด โดยเฉพาะบริเวณที่เสียดสีบ่อย ๆ
  • โรคผิวหนังอักเสบ อาการคันช่องคลอดอาจเกิดจากโรคผิวหนังอักเสบ ซึ่งถูกกระตุ้นได้จากหลายปัจจัย เช่น ไวรัส แบคทีเรีย เชื้อรา และอีกมากมาย
  • โรคมะเร็ง ทั้งมะเร็งปากช่องคลอด มะเร็งปากมดลูก หรือมะเร็งบริเวณใกล้เคียง อาจมีอาการคันเป็นหนึ่งในสัญญาณเตือน
  • โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น หนองใน เริม หรือเชื้อ HIV อาจทำให้เกิดอาการคันช่องคลอดร่วมกับอาการอื่น ๆ เช่น ผื่นแดง และตกขาวผิดปกติ

 

อาการข้างเคียง ที่อาจพบร่วมกับอาการคันช่องคลอด

อาการคันช่องคลอด อาจเป็นสัญญาณเตือนของปัญหาสุขภาพที่ต้องระวัง หากคุณแม่พบอาการข้างเคียงอื่น ๆ ต่อไปนี้ร่วมด้วย ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุของโรคต่อไป

  • ตกขาวมีปริมาณมากขึ้น มีกลิ่นเหม็น หรือเปลี่ยนสี
  • รู้สึกแสบคัน ระคายเคืองขณะปัสสาวะ
  • มีอาการปวด บวม มีแผล ตุ่ม หรือผื่น บริเวณอวัยวะเพศ
  • เลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์ หรือมีเลือดออกนอกช่วงมีประจำเดือน
  • มีไข้

 

การดูแลอาการคันช่องคลอด สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์

หากคุณแม่ตั้งครรภ์มีอาการคันปากช่องคลอดร่วมกับอาการผิดปกติอื่น ๆ ควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการรักษาที่ถูกต้อง โดยแพทย์จะทำการตรวจร่างกายและตรวจภายใน และเก็บตัวอย่างตกขาวจากช่องคลอดไปตรวจหาเชื้อที่เป็นสาเหตุของอาการคัน

 

วิธีการดูแลตนเอง เมื่อคุณแม่มีอาการคันช่องคลอด

 

เมื่อทราบผลการตรวจ แพทย์จะสั่งยาให้เหมาะสมกับชนิดของเชื้อที่พบ คุณแม่ควรทานยาตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด และทานยาให้ครบตามที่แพทย์กำหนด แม้ว่าอาการจะดีขึ้นแล้วก็ตาม เพื่อป้องกันการดื้อยาซึ่งทำให้การติดเชื้อรุนแรงขึ้น ที่สำคัญ ไม่ควรซื้อยามาใช้เองโดยเด็ดขาด เพราะอาจเป็นอันตรายได้

 

วิธีการดูแลตนเอง เมื่อคุณแม่มีอาการคันช่องคลอด

คุณแม่ควรดูแลตนเอง เพื่อบรรเทาอาการคันและป้องกันการติดเชื้อซ้ำ โดยปฏิบัติตามคำแนะนำดังนี้

  • รักษาความสะอาดบริเวณจุดซ่อนเร้น ไม่ให้เกิดความอับชื้น
  • หลีกเลี่ยงการเกา ถู หรือเสียดสีบริเวณช่องคลอด
  • งดใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีกลิ่นหอม เช่น สเปรย์ น้ำหอม หรือสบู่ที่มีส่วนผสมของน้ำหอม
  • เลือกชุดชั้นในที่เหมาะสม กางเกงในที่ทำจากผ้าฝ้าย ระบายอากาศได้ดี ไม่รัดแน่น
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ ช่วยให้ร่างกายขับของเสียออกทางปัสสาวะได้ดีขึ้น
  • ดูแลร่างกายให้แข็งแรง พักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และออกกำลังกายอย่างเหมาะสม
  • หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ จนกว่าอาการจะหายขาดสนิท เพื่อป้องกันการส่งต่อเชื้อไปยังคู่นอน
  • รับประทานอาหารที่มีโพรไบโอติก เพื่อช่วยปรับสมดุลของแบคทีเรียในช่องคลอด เช่น โยเกิร์ต กิมจิ รวมทั้งจุลินทรีย์สุขภาพ บีแล็กทิส (B. lactis) หนึ่งในจุลินทรีย์สุขภาพในกลุ่มบิฟิโดแบคทีเรียม (Bifidobacterium) ซึ่งเป็นโพรไบโอติก ที่สามารถส่งต่อเพื่อสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้ลูกน้อยได้

 

หากมีอาการคันช่องคลอดไม่ควรทานอะไรบ้าง

เมื่อมีอาการคันช่องคลอด คุณแม่ควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการรับประทานอาหารเพื่อช่วยบรรเทาอาการ โดยควรหลีกเลี่ยงอาหารดังต่อไปนี้

  • อาหารที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ เพราะอาจทำให้อาการคันรุนแรงขึ้นได้
  • อาหารที่มีน้ำตาลสูง เช่น ขนมหวาน น้ำหวาน น้ำอัดลม เพราะน้ำตาลเป็นอาหารของเชื้อรา ทำให้เชื้อราในช่องคลอดเจริญเติบโตได้ดีขึ้น
  • อาหารอื่น ๆ เช่น อาหารแปรรูป แป้งขัดขาว และแอลกอฮอล์ เป็นต้น

 

อาการคันช่องคลอดสามารถหายเองได้ไหม

แม้ว่าอาการคันปากช่องคลอดอาจดูเหมือนเป็นปัญหาเล็กน้อยและบางครั้งอาจหายไปเองได้ แต่โอกาสที่จะหายขาดได้เองมีน้อยมาก และมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำได้อีก ดังนั้น จึงจำเป็นจะต้องได้รับการตรวจหาสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการคันช่องคลอดขณะตั้งครรภ์และรับการดูแลอย่างถูกต้อง จึงจะช่วยให้หายขาดและไม่กลับมาเป็นซ้ำอีก

 

อาการคันปากช่องคลอดเป็นอาการที่พบได้บ่อยขณะตั้งครรภ์ คนท้องคันช่องคลอดอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นการติดเชื้อ การระคายเคือง หรือแม้แต่เป็นสัญญาณของโรคร้ายแรง ดังนั้น หากคุณแม่มีอาการคันช่องคลอด ควรใส่ใจและสังเกตอาการข้างเคียงร่วมด้วย หากสังเกตเห็นอาการผิดปกติ ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันทีเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลเสียต่อทั้งคุณแม่และทารกในครรภ์

 

นอกจากนี้ หากคุณแม่มีความกังวลเกี่ยวกับสุขภาพคุณแม่และพัฒนาการของลูกน้อยในครรภ์ สามารถคุยกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และติดตามพัฒนาการของลูกน้อยได้ง่าย ๆ ผ่านโปรแกรม Womb development ตามติด 9 เดือนในครรภ์ของลูกน้อย พร้อมบทความพัฒนาการต่าง ๆ ที่น่าสนใจ คลิกเลย

 

บทความแนะนำสำหรับคุณแม่มือใหม่

 

 

อ้างอิง:

  1. คันช่องคลอดขณะตั้งครรภ์ สาเหตุของปัญหาและวิธีดูแลที่คุณแม่ควรรู้, pobpad
  2. อาการคันช่องคลอดขณะตั้งครรภ์, โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
  3. คนท้อง คันที่อวัยวะเพศ เกิดจากอะไร รักษา, Health Smile
  4. ทำอย่างไรดี... เมื่อตั้งท้องแล้วตกขาว, คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล
  5. อาการคันช่องคลอด ปัญหากวนใจที่ไม่ควรปล่อยไว้, โรงพยาบาลสมิติเวช ไชน่าทาวน์

อ้างอิง ณ วันที่ 13 กันยายน 2567