
ลูกท้องเสียดูแลอย่างไร ยาแก้ท้องเสียเด็กอันตรายกับลูกหรือเปล่า
ลูกท้องเสียดูแลอย่างไร เมื่อท้องเสียร่างกายจะเกิดภาวะขาดน้ำ ซึ่งในเด็กเล็กหากท้องเสียจะรุนแรงกว่าผู้ใหญ่ บทความนี้จะมาไขข้อสงสัยถึงสาเหตุอาการท้องเสียในเด็ก พร้อมทั้งแนะนำวิธีป้องกันไม่ให้ลูกท้องเสีย และย้ำถึงความสำคัญของการปรึกษาแพทย์ หากลูกมีอาการท้องเสีย
สรุป
- ลูกท้องเสีย เกิดจากการติดเชื้อในทางเดินอาหาร ที่พบได้ทั้งจากการติดเชื้อไวรัสและเชื้อแบคทีเรีย เช่น โรต้าไวรัส โนโรไวรัส อะดีโนไวรัส ชิเกลลา ซาลโมเนลลา และอีโคไล
- ท้องเสียดูแลอย่างไร หากลูกท้องเสีย ควรพาไปโรงพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุของอาการท้องเสียอย่างละเอียด ซึ่งควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยาทุกครั้ง
- ลูกท้องเสียอาจทำให้มีภาวะขาดน้ำ ซึ่งสามารถสังเกตความผิดปกติที่เกิดขึ้นได้ เช่น กระหม่อมบุ๋ม เบ้าตาลึก และซึมลง แนะนำให้พาลูกไปโรงพยาบาลเพื่อพบแพทย์ทันที
เลือกอ่านตามหัวข้อ
- ลูกท้องเสีย เกิดจากอะไร
- อาการลูกท้องเสีย เป็นยังไง
- ยาแก้ท้องเสีย เด็กกินได้ไหม
- ลูกท้องเสียแบบไหน ต้องไปพบแพทย์
- วิธีดูแลเมื่อลูกท้องเสีย
- วิธีป้องกันไม่ให้ลูกท้องเสีย
ลูกท้องเสีย เกิดจากอะไร
ทารกท้องเสีย เกิดจากการติดเชื้อในทางเดินอาหาร ที่พบได้ทั้งจากการติดเชื้อไวรัส เช่น โรต้าไวรัส โนโรไวรัส และอะดีโนไวรัส รวมถึงการติดเชื้อแบคทีเรีย เช่น ชิเกลลา ซาลโมเนลลา และอีโคไล สำหรับอาการท้องเสียในเด็กมักเป็นอาการท้องเสียแบบเฉียบพลัน ที่จะมีอาการท้องเสียไม่เกิน 14 วัน
อาการลูกท้องเสีย เป็นยังไง
ลูกท้องเสีย อาการท้องเสียในเด็ก ส่วนใหญ่มาจากการได้รับเชื้อโรคผ่านการเล่นของเล่นที่เผลอหยิบเอาเข้าปาก การกินอาหาร หรือดื่มน้ำ ที่ไม่สะอาดมีการปนเปื้อนของเชื้อโรคเข้าไป ซึ่งอาการท้องเสียมักจะได้รับเชื้อเข้าสู่ร่างกายก่อนแสดงอาการ 1-2 วัน และเชื้อโรคที่ทำให้ลูกท้องเสียมักจะพบว่าเป็นเชื้อไวรัสมากกว่าเชื้อแบคทีเรีย ทั้งนี้คุณพ่อคุณแม่สามารถสังเกตอาการลูกท้องเสีย ได้ดังนี้
- อุจจาระเหลวใส: ลูกถ่ายอุจจาระออกมามีลักษณะเหลวใสวันละมากกว่า 3 ครั้งขึ้นไป
- ปวดท้อง: ลูกมีอาการปวดท้อง ซึมไม่ร่าเริง และกินอาหารได้น้อยลง
- ถ่ายเป็นมูกเลือด: ลูกถ่ายอุจจาระออกมาเป็นน้ำมากกว่ากากอุจจาระ และถ่ายออกมาเป็นมูกเลือด ตั้งแต่ 1 ครั้งขึ้นไป
- มีไข้และอาเจียน: ท้องเสียในเด็กที่เกิดจากเชื้อไวรัสโรต้า ส่วนใหญ่จะมีอาการไข้และอาเจียนอย่างหนัก
ยาแก้ท้องเสีย เด็กกินได้ไหม
อาการท้องเสียในเด็กจะทำให้ร่างกายเกิดภาวะขาดน้ำ ซึ่งภาวะขาดน้ำในเด็กที่เกิดจากท้องเสียจะรุนแรงมากกว่าในผู้ใหญ่ จึงไม่ควรปล่อยให้ลูกมีอาการท้องเสียเรื้อรัง เนื่องจากจะทำให้ร่างกายขาดสารอาหาร และมีภูมิคุ้มกันโรคน้อยลงเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย ดังนั้นเมื่อพบว่าลูกท้องเสีย ควรรีบพาไปโรงพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจวินิจฉัยสาเหตุของอาการท้องเสียอย่างละเอียด และโดยมากแพทย์มักไม่แนะนำให้กินยาหยุดถ่าย เพราะการถ่ายอุจจาระเป็นวิธีการกำจัดเชื้อโรคออกจากร่างกาย สำหรับการกินยาแก้ท้องเสียจำเป็นต้องอยู่ในดุลพินิจจากแพทย์เท่านั้น ไม่แนะนำให้คุณพ่อคุณแม่ซื้อยาแก้ท้องเสียมาให้ลูกกินเองโดยเด็ดขาด
ลูกท้องเสียแบบไหน ต้องไปพบแพทย์
ลูกท้องเสีย คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรนิ่งนอนใจ ควรสังเกตอาการท้องเสียของลูกอย่างใกล้ชิด และหากลูกท้องเสียพร้อมกับมีอาการร่วมเหล่านี้ ควรรีบพาลูกไปโรงพยาบาลเพื่อพบแพทย์ทันที
- ลูกท้องเสียแล้วมีภาวะขาดน้ำ เช่น กระหม่อมบุ๋ม เบ้าตาลึก และซึมลง
- ลูกถ่ายอุจจาระต่อวันมากกว่า 10 ครั้ง หรือถ่ายออกมาเป็นมูกเลือด
- อาเจียนบ่อย ริมฝีปากแห้ง หัวใจเต้นเร็ว หายใจเหนื่อยหอบ และอ่อนเพลีย
- มีไข้สูง ชัก ท้องอืด
- ปัสสาวะน้อยลงและ มีสีเข้ม
- ไม่กินนมและอาหาร
วิธีดูแลเมื่อลูกท้องเสีย
หากลูกมีอาการท้องเสีย ไม่แนะนำให้กินยาหยุดถ่าย เนื่องจากจะทำให้เชื้อโรคที่อยู่ในลำไส้ไม่สามารถถูกกำจัดออกมาได้หมด ซึ่งอาจทำให้เชื้อโรคกระจายเข้าสู่กระแสเลือด การใช้ยาแก้ท้องเสีย ควรได้รับคำแนะนำในการใช้ยารักษาอาการท้องเสียจากแพทย์ก่อนเท่านั้น ทั้งนี้คุณพ่อคุณแม่สามารถดูแลเบื้องต้นหากลูกท้องเสียได้ ดังนี้
1. ดื่มนมแม่
หากลูกยังกินนมแม่อยู่ สามารถให้กินนมแม่ได้ตามปกติ เนื่องจากน้ำนมแม่จะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายแข็งแรงสามารถสู้กับเชื้อโรคได้
2. ดื่มนมผสม
ควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับโภชนาการที่เหมาะสมกับช่วงท้องเสีย เช่น นมที่ปราศจากน้ำตาลแล็กโทส
3. กินอาหารเสริมในบางมื้อ
หากลูกเริ่มกินอาหารเสริมในบางมื้อ แนะนำให้เตรียมเป็นอาหารอ่อนที่ย่อยง่ายให้ลูกกิน โดยให้ป้อนอาหารเสริมทีละน้อยในแต่ละมื้อ เพื่อทำให้ลำไส้ค่อย ๆ ย่อยและดูดซึมสารอาหาร และในช่วงที่ลูกท้องเสีย ควรงดน้ำผลไม้และเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล
4. จิบน้ำเกลือแร่
ในกรณีที่แพทย์สั่งให้ใช้เกลือแร่ เช่น เกลือแร่โออาร์เอ เพื่อช่วยทดแทนน้ำที่ร่างกายสูญเสียไป คุณแม่สามารถให้ลูกจิบน้ำเกลือแร่ในปริมาณตามที่แพทย์แนะนำให้ใช้ได้
วิธีป้องกันไม่ให้ลูกท้องเสีย
ทารกท้องเสีย คือ อาการถ่ายเหลวออกมาเป็นน้ำอย่างน้อย 3 ครั้งต่อวัน หรือถ่ายออกมาเป็นมูกเลือดอย่างน้อย 1 ครั้งต่อวัน ดังนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้ลูกท้องเสีย จึงมีวิธีป้องกันอาการท้องเสียในเด็กเบื้องต้น ดังนี้
1. เลี้ยงลูกด้วยนมแม่
การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ เป็นการส่งเสริมให้ร่างกายลูกมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง เพราะนมแม่มีสารอาหารมากกว่า 200 ชนิด เช่น ดีเอชเอ วิตามิน แคลเซียม แอลฟา-แล็คตัลบูมิน และสฟิงโกไมอีลิน รวมทั้งยังมีสารภูมิคุ้มกันและจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์หลายชนิด เช่น จุลินทรีย์สุภาพ บีแล็กทิส (B. lactis) หนึ่งในจุลินทรีย์สุขภาพในกลุ่มบิฟิโดแบคทีเรียม (Bifidobacterium) และยังเป็นโพรไบโอติกส์ ที่สามารถส่งต่อเพื่อสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้ลูกน้อยได้อีกด้วย
2. อาหารปรุงสุก
อาหารที่เตรียมให้ลูกต้องปรุงสุก สะอาดไม่มีแมลงวันตอม และหากเก็บอาหารในตู้เย็น ต้องนำออกมาอุ่นร้อนก่อนให้ลูกกิน
3. ผักสดและผลไม้ต้องสะอาด
ผักและผลไม้สดที่เตรียมให้ลูก ก่อนนำมารับประทานต้องล้างให้สะอาด
4. ล้างมือให้สะอาด
คุณพ่อคุณแม่ หรือผู้ดูแลเด็ก จำเป็นต้องล้างมือให้สะอาดทุกครั้ง เช่น ก่อนปรุงอาหาร ก่อนรับประทานอาหาร และหลังจากการใช้ห้องน้ำ หรือเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ลูก รวมถึงสอนให้ลูกรู้วิธีการล้างมือที่ถูกต้อง ฝึกให้ลูกล้างมือทุกครั้งก่อนรับประทานอาหาร และหลังจากการเข้าใช้ห้องน้ำ
5. รับวัคซีน
การให้ลูกได้รับวัคซีนสำหรับเด็กแรกเกิด อาจช่วยลดความรุนแรงจากอาการท้องเสีย ซึ่งในปัจจุบันมีวัคซีนที่ใช้ในการป้องกันลูกท้องเสียอยู่ 2 ชนิด คือ วัคซีนที่มีส่วนประกอบของเชื้อโรต้า 1 สายพันธุ์ และ 5 สายพันธุ์ ซึ่งเป็นวัคซีนชนิดรับประทาน (หยอด) สามารถเริ่มให้กับเด็กทารกอายุตั้งแต่ประมาณ 6-12 สัปดาห์
ท้องเสียดูแลอย่างไร ลูกท้องเสีย อาจทำให้ร่างกายเกิดภาวะขาดน้ำ ซึ่งอาการท้องเสียในเด็กเล็กเป็นเรื่องที่คุณพ่อคุณแม่ต้องให้ความสำคัญอย่างมาก หากสังเกตเห็นความผิดปกติในเรื่องการขับถ่ายของลูก เช่น ถ่ายเหลว 3 ครั้งต่อวัน หรือถ่ายเป็นมูกเลือด 1 ครั้งต่อวัน ควรพาลูกไปโรงพยาบาลทันทีเพื่อรับการรักษาอย่างถูกต้อง รวมถึงการใช้ยาแก้ท้องเสียอย่างเหมาะสมที่จำเป็นต้องอยู่ในดุลพินิจและได้รับการดูแลจากแพทย์เท่านั้น
นอกจากนี้เพื่อให้คุณพ่อคุณแม่ทราบถึงสุขภาพการขับถ่ายของลูกน้อย รวมถึงปัญหาสุขภาพด้านอื่น ๆ เช่น ภูมิแพ้ในเด็ก การเจ็บป่วยต่าง ๆ เพื่อจะได้รู้เท่าทันและสามารถให้การดูแลลูกน้อยได้อย่างถูกต้องเหมาะสม สามารถติดตามอ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่นี่ https://www.s-momclub.com/member-privilege
บทความแนะนำสำหรับคุณแม่มือใหม่
- Health check แบบประเมินสุขภาพของคุณแม่และพัฒนาการของลูกน้อย
- ภูมิแพ้ในเด็กเล็ก พร้อมวิธีดูแลลูก เมื่อเด็กเป็นภูมิแพ้
- ผื่นลมพิษในเด็ก เกิดจากอะไร พร้อมวิธีป้องกันลมพิษในเด็ก
- ลูกแพ้แลคโตส คืออะไร อาการแพ้แลคโตสทารกที่คุณแม่ต้องรู้
- ลูกมีผื่นคันขึ้นตามตัวแต่ไม่มีไข้ เกิดจากอะไร พร้อมวิธีดูแล
- ลูกเป็นผื่นผิวสาก ๆ เกิดจากอะไร พร้อมวิธีดูแลทารกผื่นสาก
- ผื่นขึ้นหน้าทารก ทำไงดี พร้อมวิธีแก้ผดผื่นบนใบหน้าทารก
- ผดผื่นลักษณะผื่นแพ้อาหารทารก พร้อมวิธีสังเกตทารกแพ้อาหาร
- เด็กแพ้นมวัว มีอาการอย่างไร พร้อมวิธีสังเกตลูกน้อย
- ผดร้อนทารก ลูกเป็นผื่นเม็ดเล็ก ๆ คัน ดูแลลูกแบบไหนให้ถูกวิธี
- เด็กแพ้อากาศ อาการภูมิแพ้อากาศในเด็ก พร้อมวิธีดูแล
อ้างอิง:
- ท้องเสียดูแลอย่างไร, โรงพยาบาลเด็กสินแพทย์
- ลูกน้อยท้องเสียบ่อย ส่งผลต่อพัฒนาการของเด็ก, โรงพยาบาลบางปะกอก 3
- 4 อาการสำคัญของโรคท้องเสียในเด็กที่ต้องรีบมาพบแพทย์, โรงพยาบาลนครธน
อ้างอิง ณ วันที่ 3 พฤศจิกายน 2567