
ให้ลูกเข้าเต้าทุกกี่ชั่วโมงดี ลูกเข้าเต้าแล้วควรปั๊มนมต่อไหม
นมแม่ คืออาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารก คุณแม่ควรให้ลูกน้อยกินนมแม่ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะให้ได้ สำหรับคุณแม่มือใหม่คงมีคำถามคาใจว่าควรให้นมลูกบ่อยแค่ไหน ให้ลูกเข้าเต้าทุกกี่ชั่วโมง ลูกเข้าเต้าแล้วควรปั๊มไหม วิธีเอาลูกเข้าเต้ามีวิธีไหนบ้าง และอื่น ๆ อีกมากมาย โดยคำถามทั้งหมดคุณแม่สามารถหาคำตอบด้วยตัวเองได้จากบทความนี้ ถ้าพร้อมแล้วเรามาเริ่มกันเลย
สรุป
- การเข้าเต้า เป็นวิธีการให้นมลูกด้วยนมแม่ โดยการที่คุณแม่ให้นมลูกน้อยผ่านทางเต้านมของคุณแม่เอง ซึ่งการให้นมแบบนี้จะทำให้คุณแม่และลูกน้อยเกิดความรักความผูกผันที่ดีระหว่างกัน
- แม่ให้นมควรให้ลูกเข้าเต้าบ่อย ๆ เพื่อกระตุ้นการสร้างฮอร์โมนโปรแลคติน (Prolactin) ฮอร์โมนสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการหลั่งน้ำนม ซึ่งฮอร์โมนโปรแลคตินนี้จะหลั่งออกมาเมื่อทารกดูดนมแม่
- คุณแม่ควรให้ลูกเข้าเต้าอย่างถูกวิธี ซึ่งจะช่วยทำให้ลูกน้อยดูดนมได้อย่างมีประสิทธิภาพ และหลังจากที่ทารกกินนมอิ่มแล้วคุณแม่ควรจับลูกเรอ เพื่อลดอาการแน่นท้อง และป้องกันไม่ให้ลูกน้อยแหวะนมหลังกินนมแม่
เลือกอ่านตามหัวข้อ
- การเข้าเต้า คืออะไร
- ให้ลูกเข้าเต้าทุกกี่ชั่วโมงดี
- ทำไมคุณแม่ต้องกำหนดเวลาเข้าเต้า
- ทารกกินนมเท่าไร ถึงเพียงพอในแต่ละช่วงวัย
- วิธีเอาลูกเข้าเต้าแบบถูกต้อง คุณแม่ไม่เจ็บหัวนม
- คุณแม่ให้นมลูกท่าไหนได้บ้าง
- การสังเกตว่าทารกกินนมอิ่มแล้ว
- อาการของทารกกินนมไม่อิ่ม
- ทารกกินนมอิ่มแล้วหลับคาเต้า จับเรอยังไงดี
- คุณแม่ลูกเข้าเต้าแล้วควรปั๊มไหม
การเข้าเต้า คืออะไร
การเข้าเต้า คือ การที่คุณแม่ให้นมลูกน้อยผ่านทางเต้านมของคุณแม่เอง หากคุณแม่อยากมีน้ำนมที่เพียงพอต้องพยายามให้ลูกเข้าเต้าภายใน 1 ชั่วโมงหลังคลอด เพื่อกระตุ้นน้ำนมให้มาเร็ว ๆ พยายามให้ลูกเข้าเต้าบ่อย ๆ ทุก 2-3 ชั่วโมง และควรให้ลูกเข้าเต้าอย่างถูกวิธีด้วย การให้ทารกกินนมแม่ด้วยวิธีเข้าเต้า นอกจากจะทำให้ลูกได้สารอาหารมากมายจากนมแม่แล้วยังช่วยให้คุณแม่และลูกน้อยเกิดความรักความผูกผันที่ดีอีกด้วย
ให้ลูกเข้าเต้าทุกกี่ชั่วโมงดี
แม่ให้นมควรให้ลูกเข้าเต้าบ่อย ๆ เพื่อกระตุ้นการสร้างฮอร์โมนโปรแลคติน (Prolactin) ฮอร์โมนสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการหลั่งน้ำนม โดยมีคำแนะนำ ดังนี้
1. เด็กแรกเกิด
คุณแม่ควรให้ลูกเข้าเต้าทุก 1-3 ชั่วโมง เนื่องจากทารกแรกเกิดมีขนาดกระเพาะอาหารที่เล็กมากจึงจำเป็นต้องให้นมลูกบ่อย ๆ อีกทั้งการให้ลูกน้อยกินนมบ่อย ๆ ยังเป็นช่วยให้เด็กได้ฝึกการดูดและกลืนนมแม่อีกด้วย
2. ทารกสัปดาห์แรก - 1 เดือน
ตอนนี้ลูกน้อยมีขนาดกระเพาะอาหารที่ใหญ่ขึ้นแล้ว ทำให้สามารถกินนมแม่ได้มากขึ้น ทั้งยังนอนได้นานขึ้น คุณแม่จึงให้ลูกเข้าเต้าได้ทุก 2-4 ชั่วโมง โดยเฉลี่ยวันละประมาณ 8-12 ครั้ง
3. ทารกวัย 2 - 6 เดือน
คุณแม่ควรให้ลูกเข้าเต้าวันละ 5-6 ครั้ง เพื่อให้เจ้าตัวเล็กได้รับนมแม่ในปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการในแต่ละวัน
4. ทารกวัย 6 - 12 เดือน
เด็กในช่วงวัยนี้เป็นวัยที่เริ่มกินอาหารเสริมตามวัยแล้ว คุณแม่จึงให้ลูกเข้าเต้าบ่อยได้ตามที่ลูกน้อยต้องการ ซึ่งส่วนใหญ่มักจะให้นมทุก ๆ 4-5 ชั่วโมง
5. ทารกวัย 12 - 24 เดือน
เด็กในวัยเตาะแตะเป็นวัยที่กินนมแม่น้อยลง เด็กบางคนอาจกินนมแม่แค่ช่วงเช้าหรือก่อนนอนเท่านั้น แต่อาจมีเด็กบางคนที่ยังกินนมแม่เป็นหลัก ดังนั้น คุณแม่ควรให้ลูกเข้าเต้าบ่อยตามที่ลูกน้อยต้องการ
คุณแม่ควรให้ลูกเข้าเต้าบ่อยแค่ไหนนั้นขึ้นอยู่กับความต้องการและการเจริญเติบโตของลูกน้อย ซึ่งทารกแรกเกิดจะต้องการนมแม่อยู่บ่อย ๆ คุณแม่จึงต้องให้ลูกเข้าเต้าทุก 1-3 ชั่วโมง เพื่อให้ลูกน้อยได้รับนมแม่ให้เพียงพอต่อความในแต่ละวัน
ทำไมคุณแม่ต้องกำหนดเวลาเข้าเต้า
เพราะการให้ลูกเข้าเต้าบ่อย ๆ ตามเวลาที่กำหนดจะช่วยกระตุ้นการสร้างน้ำนมให้กับคุณแม่ได้ เนื่องจากฮอร์โมนโปรแลคติน (Prolactin) เป็นฮอรโมนที่มีหน้าที่ในการช่วยกระตุ้นการสร้างน้ำนม ซึ่งฮอร์โมนโปรแลคตินนี้จะหลั่งออกมาเมื่อทารกดูดนมแม่ พอลูกน้อยดูดนมบ่อย ๆ ระดับฮอร์โมนโปรแลคตินจะสูงขึ้น การผลิตน้ำนมของคุณแม่ก็จะเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย
หากแม่ให้นมอยากให้ลูกน้อยได้กินน้ำนมแม่เป็นระยะเวลานาน ๆ ควรให้ลูกเข้าเต้าบ่อย ๆ เพื่อให้ร่างกายสามารถผลิตน้ำนมให้เพียงพอกับความต้องการของลูกน้อย
ทารกกินนมเท่าไร ถึงเพียงพอในแต่ละช่วงวัย
ทารกแต่ละช่วงวัยมีความต้องการน้ำนมในปริมาณที่แตกต่างกัน ด้วยเหตุผลของการเจริญเติบโตของร่างกาย โดยมีรายละเอียด ดังนี้
1. ทารกแรกเกิด
ทารกแรกคลอดควรกินนมแม่ประมาณ 5 ซีซี พอเข้าสู่วันที่ 3 หลังคลอด ควรกินนมแม่วันละประมาณ 1-1.5 ออนซ์ โดยเฉลี่ยวันละ 8-10 ครั้ง
2. ทารก 1 เดือน
พอลูกน้อยมีอายุ 1 เดือน คุณแม่ควรให้ลูกน้อยกินนมแม่วันละ 2-4 ออนซ์ โดยเฉลี่ยวันละ 7-8 ครั้ง
3. ทารก 2 - 6 เดือน
เมื่อทารกเข้าสู่เดือนที่ 2 คุณแม่ควรให้ลูกกินนมเพิ่มขึ้นเป็นวันละ 4-6 ออนซ์ โดยเฉลี่ยวันละ 5-6 ครั้ง
4. ทารก 6 - 12 เดือน
ทารกในช่วงวัยนี้ คุณแม่ควรให้ลูกกินนมวันละ 6-8 ออนซ์ โดยเฉลี่ยวันละ 4-5 ครั้ง
คุณแม่ควรให้ลูกเข้าเต้าบ่อย ๆ เพื่อที่ทารกจะได้รับนมแม่ได้เพียงพอต่อการเจริญเติบโตที่ดีของทารก เพราะในนมแม่มีสารอาหารมากกว่า 200 ชนิด เช่น ดีเอชเอ โอเมก้า 3 6 9 โคลีน แอลฟา-แล็คตัลบูมิน และสฟิงโกไมอีลินที่ช่วยพัฒนาสมอง รวมทั้งยังมีสารภูมิคุ้มกันและจุลินทรีย์สุขภาพหลายชนิด เช่น บิฟิโดแบคทีเรียม (Bifidobacterium) ซึ่งเป็นโพรไบโอติก ที่สามารถส่งต่อเพื่อสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้ลูกน้อย ลูกน้อยจะได้เติบโตอย่างแข็งแรงและมีพัฒนาการที่ดีอย่างต่อเนื่อง
วิธีเอาลูกเข้าเต้าแบบถูกต้อง คุณแม่ไม่เจ็บหัวนม
คุณแม่ควรพาลูกเข้าเต้าอย่างถูกวิธี เพราะจะทำให้ลูกน้อยสามารถดูดนมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนคุณแม่จะได้ให้นมลูกในท่าที่สบาย ไม่เสี่ยงหัวนมแตก และไม่เจ็บหัวนม โดยมีวิธี ดังนี้
- ให้คุณแม่อุ้มลูกให้ชิดกับตัวมากที่สุด
- ประคองศีรษะ คอ และลำตัวให้อยู่ในแนวตรง
- จัดท่าให้ใบหน้าของลูกน้อยอยู่ระนาบเดียวกับเต้านมแม่ โดยที่จมูกของลูกน้อยให้อยู่ตรงกับหัวนมแม่
- ให้ริมฝีปากของลูกน้อยแนบชิดกับเต้านม โดยต้องให้เห็นลานหัวนมที่บริเวณริมฝีปากบนมากกว่าริมฝีปากล่าง
- ให้คางลูกชิดอยู่กับเต้านมแม่ ส่วนแก้มและจมูกต้องสัมผัสกับเต้านมของแม่
คุณแม่ให้นมลูกท่าไหนได้บ้าง
1. ท่านอนขวางบนตัก (Cradle Hold)
ให้คุณแม่ใช้แขนอุ้มลูกน้อยนอนตะแคงเข้าหาลำตัวของแม่ โดยที่ศีรษะของลูกอยู่เหนือลำตัวเล็กน้อย แล้วใช้มืออีกข้างประคองเต้านมเป็นตัว U หรือ C เพื่อให้ลูกน้อยกินนมแม่ได้สะดวก
2. ท่านอนขวางบนตักประยุกต์ (Cross Cradle Hold)
ให้แม่อุ้มลูกน้อยโดยใช้แขนคนละข้างกับเต้านมประคองบริเวณต้นคอและท้ายทอยไว้ ส่วนมืออีกข้างประคองเต้าให้ลูกน้อยได้ดูดอย่างสะดวก
3. ท่าอุ้มลูกฟุตบอล (Football Hold)
จัดท่าให้ลูกเป็นท่ากึ่งตะแคงกึ่งนอนหงาย ใช้มือข้างเดียวกับเต้าประคองลำตัวของลูกน้อยเข้าหาเต้าข้างที่จะดูดโดยที่ขาของลูกอยู่ด้านข้างลำตัวของแม่ แล้วใช้มืออีกข้างประคองเต้านมเป็นตัว U หรือ C พอลูกอ้าปากให้เลื่อนเต้านมเข้าปากทารก
4. ท่านอน (Side Lying Position)
ให้คุณแม่นำหมอนมาหนุนหลังของคุณแม่และลูกน้อยในท่านอนตะแคงเข้าหากัน จากนั้นจัดท่าให้ศีรษะลูกน้อยอยู่เหนือลำตัวเล็กน้อย แล้วใช้แขนประคองให้ลูกน้อยชิดกับลำตัวแม่ ส่วนมืออีกข้างประคองเต้าให้ทารกเริ่มดูด
การจัดท่าการให้นมทารกเหล่านี้ จะช่วยให้ลูกน้อยเข้าเต้าได้ดี ดูดนมได้มีประสิทธิภาพ และคุณแม่ไม่ต้องเสี่ยงเจ็บเต้านมด้วย
การสังเกตว่าทารกกินนมอิ่มแล้ว
ทารกที่ได้กินนมจนอิ่มหรือได้รับนมอย่างเพียงพอ คุณแม่สามารถสังเกตได้จากอาการของลูกน้อย คือ
- ลูกน้อยนอนหลับได้ยาวต่อเนื่องกันเป็นเวลา 2-3 ชั่วโมง
- ในระหว่างลูกดูดนมจะได้ยินเสียงลูกกลืนนมเป็นช่วง ๆ
- ลูกน้อยสงบ ไม่ร้องกวนระหว่างมื้อที่ให้นม
- น้ำหนักตัวของลูกน้อยเพิ่มขึ้นวันละประมาณ 30-50 กรัมต่อวัน
- ลูกน้อยถ่ายปัสสาวะมากกว่าหรือเท่ากับ 6 ครั้งต่อวัน และถ่ายอุจจาระมากกว่าหรือเท่ากับ 4 ครั้งต่อวัน
ไม่เพียงแค่นั้น คุณแม่ยังสังเกตได้จากอาการของเต้านมแม่หลังจากให้นมลูกแล้ว คือ เต้านมนิ่มลงไม่คัดตึง และเมื่อบีบเต้านมแล้วไม่มีน้ำนมหยดด้วย
อาการของทารกกินนมไม่อิ่ม
ลักษณะอาการของทารกที่กินนมไม่อิ่ม หรือได้รับนมไม่เพียงพอ คือ
- ลูกมีน้ำหนักตัวลดมากกว่า 7-10% จากน้ำหนักแรกเกิด และยังลดต่อเนื่องหลังมีอายุได้ 3 – 5 วันแล้ว
- สีอุจจาระไม่เปลี่ยนเป็นสีเหลือง หลังจากทารกมีอายุได้ 4 วันหลังคลอด
- ลูกน้อยถ่ายอุจจาระน้อยกว่า 3 ครั้งต่อวัน ส่วนปัสสาวะถ่ายน้อยกว่า 6 ครั้งต่อวัน หรือปัสสาวะมีสีเหลืองเข้มหรือเป็นตะกอนสีส้ม
สำหรับแม่ให้นมให้สังเกตเต้านมว่ามีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ ถ้าเต้านมไม่มีการเปลี่ยนแปลงหลังจากลูกดูดนม เต้านมไม่นิ่มลง แสดงว่าลูกน้อยกินนมไม่อิ่ม หรือได้รับนมไม่เพียงพอ
ทารกกินนมอิ่มแล้วหลับคาเต้า จับเรอยังไงดี
หลังจากที่ทารกกินนมอิ่มแล้วคุณแม่ควรจับลูกเรอ เพื่อลดอาการแน่นท้อง และป้องกันไม่ให้ลูกน้อยแหวะนม หลังกินนมแม่ สำหรับท่าจับลูกเรอหลังกินนมแม่ มีดังนี้
- อุ้มพาดบ่า: ให้คุณแม่อุ้มลูกน้อยพาดบ่า จากนั้นใช้มืออีกข้างลูบที่หลังลูกเป็นวงกลมประมาณ 5-10 นาที
- อุ้มนั่งบนตัก: ให้คุณแม่จัดท่าลูกน้อยในท่านั่งบนตัก โดยใช้มือข้างหนึ่งประคองบริเวณคางด้านหน้าและอกของลูกน้อย แล้วใช้มืออีกข้างลูบที่หลังทารกลงเบา ๆ ประมาณ 5-10 นาที
- อุ้มพาดบนแขน: ให้ลูกน้อยนอนคว่ำ ลำตัวพาดอยู่บนแขนแม่ โดยที่ศีรษะหันไปด้านข้างพาดอยู่บริเวณข้อพับแขนของแม่ จากนั้นใช้มืออีกข้างลูบบนหลังของลูกน้อยเป็นวงกลม หรือตบหลังเบา ๆ
- อุ้มวางพาดบนหน้าท้อง: จัดท่าให้ลูกน้อยนอนคว่ำบนหน้าท้องของคุณแม่ โดยให้ศีรษะหันออกไปด้านข้าง แล้วใช้มืออีกข้างลูบบนหลังลูกน้อยเป็นวงกลม หรือตบหลังเบา ๆ ให้เรอ เพื่อป้องกันอาการแหวะนม และอาการแน่นท้องของทารก คุณพ่อคุณแม่ควรจับลูกเรอหลังกินนมทุกครั้ง
คุณแม่ลูกเข้าเต้าแล้วควรปั๊มไหม
แม่ที่ให้ลูกเข้าเต้าแล้วและลูกน้อยสามารถดูดนมได้เป็นอย่างดี คุณแม่ไม่จำเป็นต้องปั๊มเอาน้ำนมออก เพราะการที่คุณแม่ปั๊มนมทันทีหลังจากให้ลูกเข้าเต้าอาจไปกระตุ้นการผลิตน้ำนมมากเกินไป ทำให้การเลิกเต้าเป็นไปได้ช้า หากทารกดูดนมแม่ได้ไม่ดีพอ คุณแม่อาจจำเป็นต้องปั๊มนมออกหลังจากให้ลูกเข้าเต้า อย่างไรก็ตาม ก่อนที่คุณแม่ต้องจะตัดสินใจปั๊มนมหลังให้ลูกเข้าเต้า ควรสังเกตดูว่าลูกน้อยดูดนมแม่ได้ดีระหว่างเข้าเต้าหรือไม่ เพื่อลดอาการคัดตึงเต้านมของคุณแม่
คุณแม่ที่ต้องการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ควรให้ลูกเข้าเต้าบ่อย ๆ เพื่อให้ร่างกายของคุณแม่สามารถผลิตน้ำนมได้เพียงพอกับความต้องการของลูกน้อย ซึ่งในระหว่างที่คุณแม่พาลูกเข้าเต้าควรจัดท่าให้นมลูกน้อยให้ถูกวิธีเพื่อลดความเจ็บปวดเต้านมของคุณแม่และยังช่วยให้ลูกน้อยได้รับน้ำนมที่เพียงพอต่อการเจริญเติบโตของลูกน้อย เพราะในนมแม่มีสารอาหารมากกว่า 200 ชนิด ทั้งดีเอชเอ วิตามิน แคลเซียม แอลฟา-แล็คตัลบูมิน และสฟิงโกไมอีลิน ที่ช่วยให้ลูกน้อยเจริญเติบโตอย่างแข็งแรง และยังมีสารภูมิคุ้มกันและจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์หลายชนิดอย่างบีแล็กทิส (B. lactis) ที่ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยและเสริมภูมิคุ้มกันให้กับทารกอีกด้วย
บทความแนะนำสำหรับคุณแม่มือใหม่
- โปรแกรม Baby Development เช็คพัฒนาการลูกน้อยแต่ละช่วงวัย
- 11 วิธีการเลี้ยงทารกแรกเกิด - 1 เดือน ที่พ่อแม่มือใหม่ต้องรู้
- ตารางการนอนของทารก 0-1 ปี ทารกควรนอนวันละกี่ชั่วโมง
- วิธีจับลูกเรอ ท่าอุ้มเรอเมื่อลูกไม่เรอ ช่วยให้ลูกสบายท้องหลังอิ่มนม
- ทารกไม่ยอมนอน ลูกร้องไห้งอแง นอนหลับยาก พร้อมวิธีรับมือ
- เด็กทารกสะอึก เกิดจากอะไร วิธีไหนที่ช่วยบรรเทาอาการลูกสะอึก
- ทารกตัวเหลือง เกิดจากอะไร พร้อมวิธีดูแลทารกตัวเหลือง
- วิธีห่อตัวทารกที่ถูกต้อง ให้ลูกน้อยสบายตัว เหมือนอยู่ในท้องแม่
- สายสะดือทารก สะดือใกล้หลุดเป็นแบบไหน พร้อมวิธีทำความสะอาด
- ทารกเป็นหวัดหายใจครืดคราด ลูกเป็นหวัดหายใจไม่สะดวกทําไงดี
- ลูกหายใจครืดคราดแต่ไม่มีน้ำมูก เกิดจากอะไร อันตรายกับลูกน้อยไหม
อ้างอิง:
- What Is Breastfeeding?, Medifem Hospital
- How Much and How Often to Breastfeed, U.S. Department of Health & Human Services
- Q&A การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่, โรงพยาบาลบี.แคร์ เมดิคอลเซ็นเตอร์
- ลูกกินนมแบบไหนเรียก Over breastfeeding, โรงพยาบาลสมิติเวช
- กลไกการสร้างและหลั่งน้ำนม, โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย
- การให้นมแม่แก่ลูกน้อย, โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์
- ลูกได้น้ำนมแม่เพียงพอหรือไม่, โรงพยาบาลรามาธิบดี
- คลินิกนมแม่, โรงพยาบาลรามาธิบดี
- ท่าอุ้มเรอ สำหรับเด็กทารก มีอะไรบ้าง, hellokhunmor
- What You Need to Know about Breast Pumps, Department of Health Hong Kong
อ้างอิง ณ วันที่ 27 ตุลาคม 2567